รองโฆษกประชาธิปัตย์ โยง กกต.จ่อเรียก ผอ.ดุสิตโพล, “มานิจ” ไขก๊อกนายกสภา มรภ. ผสมเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ชี้ทำสำรวจไม่ปกติ ชี้นำ ไม่เป็นธรรม ปูดโต๊ะพนันเริ่มรับแทงผล เชื่อเป็นเครื่องมือใช้นำพาชัยชนะของบางพรรค จี้เข้ม สตช.จัดการ โวย จนท.ประกบติด “สุขุมพันธุ์” อ้างบัตรเลือกตั้งมีปัญหาส่อซ้ำรอยปี 49
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่ กกต.เตรียมเรียกนายสุขุม เฉลิมทรัพย์ ผอ.สวนดุสิตโพล และการลาออกจากนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ของนายมานิจ สุขสมจิตร เป็นเรื่องที่อยากให้ประชาชนได้ฉุกคิดก่อนใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 3 มีนาคมนี้ เพราะเป็นตัวอย่างการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติของการจัดทำโพล ซึ่งเชื่อว่าจะมีมากขึ้นในช่วงท้ายก่อนที่จะมีการลงคะแนนเลือกตั้งเพื่อก่อให้เกิดการชี้นำ ความไม่เป็นธรรมต่อผู้สมัครของทุกฝ่าย จึงอยากเรียกร้องให้ กกต.กลางประสานงานกับฝ่ายต่างๆ มากขึ้นเพื่อป้องกันปัญหา รวมถึงนักวิชาการที่กำลังจะทำโพลล์ด้วยเพื่อให้เข้าใจในข้อกฎหมาย
น.ส.มัลลิกากล่าวว่า ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติในหลายพื้นที่โดยเฉพาะ ดอนเมือง คลองสามวา ฝั่งธนบุรีบางจุด แม้กระทั่งเขตพญาไท คือ มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับโต๊ะพนันที่มีการรับทายผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้สมัครของพรรคด้วยการตั้งราคาต่อรองที่อาจมีผลกระทบได้ ดังนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ต้องเป็นหลักในการเป็นมือเป็นไม้ให้กับ กกต.เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา แต่เท่าที่ตรวจสอบกลายเป็นว่าเรื่องการพนันเป็นเครื่องมือหนึ่งในการที่จะสร้างกระบวนการเพื่อนำไปสู่ชัยชนะของคนที่อยู่นอกระบบแต่แอบสนับสนุนผู้สมัครบางฝ่าย เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2548
“ขอเรียกร้องให้ กกต.ควบคุมกำชับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นกระบวนการเช่นนี้จะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการเลือกตั้งได้ นอกจากนี้ยังพบความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติของเจ้าหน้าที่ เช่น มีการประกบ ติดตามผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์เป็นพิเศษ จึงสันนิษฐานว่ามีการวางกำลังติดตามผู้สมัครของพรรคมากเป็นพิเศษ จึงฝากถึงผู้เกี่ยวข้องว่าต้องทำอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกับทุกฝ่ายด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้คิดได้ว่ากำลังมีกระบวนการแทรกแซงการทำงานของข้าราชการหรือไม่” น.ส.มัลลิกากล่าว
นอกจากนี้ น.ส.มัลลิกายังขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายตั้งข้อสังเกตไปยังสำนักงานบางแห่งสังกัดกระทรวงการคลังที่ตกเป็นเครื่องมือของรัฐด้วย อีกทั้งยังมีข้อมูลว่าการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.คราวนี้กำลังจะซ้ำรอยการเลือกตั้งใหญ่ปี 2548 ทั้งปัญหาเรื่องบัตร และการใช้อำนาจรัฐ จึงอยากให้มีการหาทางออกก่อนที่จะเกิดปัญหา เพราะเป็นห่วงว่าช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะมีความผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ