ไทย-ฝรั่งเศสร่วมลงนาม เน้นการค้า-การลงทุน-ศึกษา-โครงสร้างพื้นฐาน “ยิ่งลักษณ์” โวไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน ด้านฝรั่งเศสพร้อมหนุนด้านสาธารณูปโภค และด้านอื่นๆ ที่ฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงด้านขนส่งมวลชน ทางอากาศ รถไฟ และเทคโนโลยีด้านอวกาศ
วันนี้ (5 ก.พ.) เมื่อเวลา 18.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายฌอง-มาร์ก เอโรต์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เนื่องในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ จากนั้นได้มีพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า
จากนั้นนายกรัฐมนตรีของไทยและฝรั่งเศสได้มีการหารือข้อราชการร่วมกันซึ่งถือเป็นการต่อยอดผลการเยือนฝรั่งเศสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ฝ่ายฝรั่งเศสได้ให้ความสำคัญเรื่องการขยายปริมาณการค้า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทย ความร่วมมือด้านการศึกษา ตลอดจน ประเด็นระดับภูมิภาคและพหุภาคี โดยภายหลังการหารือร่วมกัน นายกรัฐมนตรีไทยและฝรั่งเศส ได้ทำการลงนามความตกลงร่วมกันอาทิ บันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ (กระทรวงกลาโหม) ,หนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ), บันทึกข้อตกลงโครงการความร่วมมือในการผลิตวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบ (กระทรวงสาธารณสุข) เป็นต้น
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แถลงว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนายกฯ ฝรั่งเศส ในการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของรัฐบาล เพื่อกำชับความสัมพันธ์ความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างประเทศไทยและฝรั่งเศส ซึ่งนายณอง-มาร์ก เอโรต์ นับเป็นนายกฯ ฝรั่งเศสคนแรกที่มาเยือนประเทศไทยในรอบ 23 ปี และในโอกาสนี้นายกฯ ฝรั่งเศสได้ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า จากที่ตนได้พบและหารือกับนายกฯ ในโอกาสที่ไปเยือนประเทศฝรั่งเศสในช่วงเดือน ก.ค. 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งการพบกันในครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นพลวัตรของการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และมิตรภาพที่แนบแน่นระหว่างไทย-ฝรั่งเศสอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยสร้างการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงาน นอกจากนี้ ไทย-ฝรั่งเศสต่างเป็นประเทศที่สำคัญในภูมิเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป ทั้งมีส่วนสำคัญในการผลักดันระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรป พร้อมกับพัฒนากรอบความร่วมมือในการประชุมเอเชียยุโรป
ทั้งนี้ ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเรามีความคืบหน้าในความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในหลายเรื่อง เช่นการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งการลงทุนประเทศไทยและในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างงานของทั้งสองประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นที่มีต่อกันโดยเฉพาะช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับสิ่งที่ท้าทายต่างๆ ตนมีความยินดีอย่างยิ่งในการเยือนในครั้งนี้ซึ่งได้มีการลงนามความตกลง 5 ฉบับ ซึ่งการลงนามครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมในการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ การวิจัย การพัฒนาการทหารของทั้งสองฝ่าย และการเน้นในด้านการเกษตร ประเด็นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
ตนได้เน้นย้ำกับนายณอง-มาร์ก เอโรต์ ว่าไทยมีศักยภาพที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคอาเซียน ร่วมถึงการส่งเสริมการเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียใต้ สู่เอเชียตะวันออก โดยผ่านลุ่มน้ำโขง ซึ่งตนได้ถือโอกาสเชิญชวนฝ่ายฝรั่งเศสให้ส่งเสริมบริษัทที่ส่งสนใจเข้ามาพิจารณา ร่วมประมูลที่โปร่งใสและเป็นธรรม โดยฝ่ายไทยจะให้สำคัญในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหลัก และฝ่ายไทยมีแผนที่จะสร้างนิคมอุตสาหกรรมอากาศยานและศูนย์ซ่อมอากาศยานให้เป็นรูปธรรม ตั้งแต่การผลิต การซ่อมบำรุง และการบริการ ร่วมถึงการให้ความสำคัญด้านการค้าไทยเสรี-อียู อีกด้วย ทั้งนี้ ตนและนายณอง-มาร์ก เอโรต์ ได้หารือการพัฒนาการในประชาคมอาเซียน สิ่งที่ท้าทายสิ่งอาจจะส่งผลต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ร่วมถึงความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันเพื่อรักษาบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการรักษาเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตประชากรในภูมิภาคต่อไป
“ดิฉันมีความยินดีต่อการเยือนของนายณอง-มาร์ก เอโรต์ ในครั้งนี้ซึ่งเป็นการเยือนที่มีความสำคัญ และเป็นการยืนยัน ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและฝรั่งเศสได้มีการพัฒนาจากพื้นฐานสายสัมพันธ์ประวัติศาสตร์ที่มียาวนานกว่า 300 ปี และกลายเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ที่มีค่านิยมและผลประโยชน์ร่วมกันในด้านต่างๆ และจะพัฒนาสืบต่อไปในทุกมิติและทุกระดับตามเจตนารมณ์ที่มีร่วมกันของทั้งสองประเทศ” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
ด้านนายฌอง-มาร์ก เอโรต์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาเยือนประเทศไทย พร้อมมีโอกาสได้หารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นครั้งที่ 2 เพื่อประเมินผลการเจรจาครั้งที่ผ่านมา ณ ประเทศฝรั่งเศส ทั้งนี้ ขอแสดงความห่วงใยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และขอให้หายจากอาการพระประชวรโดยเร็ว นอกจากนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้จัดส่งสาสน์แสดงความห่วงใยถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
อย่างไรก็ตาม การหารือครั้งนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจ ซึ่งไทยถือเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ฝรั่งเศสพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณูปโภค และด้านอื่นๆ ที่ฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงด้านขนส่งมวลชน ทางอากาศ รถไฟ และเทคโนโลยีด้านอวกาศ อีกทั้งจะมีการเซ็นสัญญาร่วมกันเพื่อวางกรอบที่เป็นนโยบายต่อไป นอกจากนี้ ได้มีการพูดถึงสถานการณ์ยูโรโซน ที่กลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง และในอาเซียนจะสร้างประชาคมเศรษฐกิจ การสร้างความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-ยุโรป ภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และเชื่อมั่นว่ากรอบดังกล่าวจะนำไปสู่ความสำเร็จ และมีการแลกเปลี่ยนที่โปร่งใสในการประมูล
เมื่อถามว่า การหารือระหว่างนายกฯ ทั้ง 2 ประเทศหวังผลอะไรจากการเจรจาร่วมกันครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไทยเห็นความสำคัญในการเจรจากรอบดังกล่าว ที่จะทำให้ความร่วมมือดีขึ้น และมีความมั่นใจว่าการเจรจาในอนาคตจะสำเร็จได้ ขณะที่นายกฯ ฝรั่งเศสกล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะดำเนินการอย่างสมดุล พร้อมสร้างความยุติธรรมให้กับทั้ง 2 ฝ่าย จนบรรลุข้อสัญญาที่มีประโยชน์ต่อไป