รองโฆษก พท.โวย “อภิสิทธิ์” โยง “นายกฯ ปู” ไปเขมรร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ “เจ้านโรดมสีหนุ” เป็นเรื่องการเมือง ระบุการปกป้องผลประโยชน์ของชาติไม่จำเป็นต้องทะเลาะกับเพื่อนบ้าน อ้างรัฐบาลพร้อมแถลงผลงาน ที่ยังยึกยักอ้างเป็นช่วงประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สส.กทม. ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนยินดีกับกรณีที่ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ได้รับการปล่อยตัวจากการพระราชทานอภัยโทษของกัมพูชาเมื่อวานนี้ และเดินทางกลับถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ตนยังพอทราบข่าวดีอีกว่ารัฐบาลไทยจะใช้กระบวนการทางการทูตเพื่อเจรจาหาช่องทางในการลดโทษของนายวีระ สมความคิด หรือการย้ายมาถูกคุมขังในประเทศไทยแทน
ขณะเดียวกัน ขอเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่าวันนี้อย่าเล่นการเมืองแบบเก็บทุกเม็ด และพยายามโยงเรื่องการเดินทางไปงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเจ้านโรดมสีหนุ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันจันทร์นี้ไปเป็นเรื่องการเมือง เพราะเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในงานพระราชพิธีสำคัญของประเทศเพื่อนบ้านที่จะไปผูกโยงกับเรื่องเขาพระวิหาร
นายจิรายุกล่าวว่า วันนี้บางพรรคการเมืองยังไม่เลิกที่จะพยายามโยงอะไรที่เกี่ยวกับกัมพูชามาจุดประเด็นเพื่อประโยชน์ทางการเมืองให้กับตน ซึ่งขอเรียนว่าเรื่องนี้มีความพยายามมาตั้งแต่ก่อนปี 2549 เพื่อจุดเป็นประเด็นในการปฎิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และแม้จะผ่านการปฎิวัติมาแล้วกว่า 7 ปีก็ยังมีความพยายามใช้เรื่องนี้ เป็นประเด็นทางการเมืองมาตลอดโดยเฉพาะในสมัยท่านอดีตนายกฯสมัคร สุนทรเวช ทั้งๆ ที่ ในยุครัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีทั้ง คตส.และหน่วยงานมากมายที่มีอำนาจล้นฟ้าหลังการยึดอำนาจตรวจสอบทุกอย่างได้อยู่แล้ว ก็ยังไม่พบว่าไปมีผลประโยชน์อะไรกับกัมพูชา
พอมารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็พยายามดำเนินการต่อถึงขนาดส่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปกินแกงเลียงที่กัมพูชาก็ทำมาแล้ว และในขณะนั้นก็ยังไม่สามารถหาพยานหลักฐาน เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้ มีแต่การชี้หน้ากล่าวหากันลอยๆมาโดยตลอด
“ผมไม่เข้าใจว่าคนพรรคนี้คิดอะไร แทนที่จะเอานโยบายดีดีมานำเสนอแข่งขันกันเพื่อให้ประชาชน ได้อยู่ดีกินดีวันๆ เอาแต่ชี้หน้าด่าคนอื่นว่า เลวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนผ่านมาจะ 7 ปีแล้วก็ยังไม่หมดความพยายามในวิธีเดิมๆ”
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวฝากไปยังฝ่ายค้านว่า การยุให้ทะเลาะกับพื่อนบ้านไม่ได้ช่วยอะไรให้กับประเทศชาติได้ และการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้การ เปิดฉากทะเลาะกัน หรือยิงใส่กันแค่ตั้งโต๊ะคุยกัน ยิ้มให้กันก็สามารถปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติได้เช่นกัน
นายจิรายุยังกล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปีว่า รัฐบาลมีความพร้อมมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ที่กระทรวงต่างๆ ได้สรุปผลงานให้กับรัฐบาลมาตั้งแต่เดือนตุลาคม แต่ติดปัญหาในสภาฯที่สมัยนี้เป็นการประชุมเพื่อออกกฎหมายอย่างเดียว แต่รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแถลงผ่านโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อต่างๆ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไปตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาแล้ว และการจัดทำเอกสารแจกจ่ายให้กับประชาชนไปแล้วจำนวนมาก
ทั้งนี้ การแถลงผลงานของรัฐบาลต่อสภาฯ ในขณะนี้ มีข้อกฎหมายที่ไม่สามารถทำได้เลย เพราะเป็นสมัยสามัญนิติบัญญัติ แต่ท่านนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ให้สภาฯพิจารณา ว่าจะสามารถบรรจุวาระเรื่องการแถลงผลงานรัฐบาลได้เมื่อใด ซึ่งวิปรัฐบาลก็อยู่ระหว่างการหารือกับวิปฝ่ายค้าน ซึ่งหาก เป็นไปได้ อาจจะเป็นหลังการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพราะอาจมีผลต่อการเลือกตั้ง ซึ่งหากในสมัยประชุม นิติบัญญัติ นี้คงต้องใช้มาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญต้องขอมติจากการประชุมร่วม ส.ว.และส.ส.ให้เกินกึ่งหนึ่งเพื่อพิจารณา เรื่องอื่นๆ ในสมัยสามัญนิติบัญญัติ ซึ่งก็ได้เห็นเรื่องจากประธานวิปฝ่ายค้าน ส่งเข้ามาให้รัฐสภาพิจารณาร่วมกันในวันอังคารนี้แล้ว
ส่วนการประเมินผลงานรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในรอบ 1 ปีก็มีการสรุปในหลายรูปแบบ ทั้งการสอบถามความเห็นของประชาชน ความเห็นของ ส.ส. และผู้ทำงานการเมืองว่า ผลงานใดที่ได้รับการยอมรับ ผลงานใดที่ต้องปรับปรุง ซึ่งกว่าร้อยละ 90 เห็นว่ามีผลงานที่ทำไปได้จริงมากกว่า ร้อยละ 70 ซึ่งในช่วงเวลาอีกว่า 3 ปีจะต้องเร่งทำให้ได้สมบูรณ์ที่สุด และที่ผ่านมาถือว่าพรรคเพื่อไทยได้ทำนโยบายได้มากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้
