เกาะกระแส
00 การจับกุม “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม โดยกองปราบฯ ภายใต้การบัญชาการใหญ่ ของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. เมื่อวันก่อน หลังจากหลบหนีคดีไปนานกว่า 6 ปี สร้างความตกตะลึง และได้ถูกตั้งคำถามตามมามากมาย เพราะตามข้อมูลตำรวจยังบอกเองว่าเขากบดานอยู่ที่บ้านที่ชลบุรีมานานกว่าปีแล้ว และคราวนี้มั่นใจหรือ “ย่ามใจ” หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถึงกล้าออกมาข้างนอก จนโดนรวบในที่สุด แต่ที่น่าจับตาก็คือ “เบื้องหลัง” มันคืออะไรกันแน่
00 แน่นอนว่าคนที่ลงมากำกับด้วยตัวเองอย่างที่เห็นก็คือ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่งที่ผ่านมาหลายคนคงแปลกใจว่า ทำไมถึงมั่นคงอยู่ในเก้าอี้สำคัญตัวนี้ได้นานนัก ไม่ถูกเด้งเหมือนคนอื่น ทั้งที่ตำแหน่ง ผบช.ก. เป็นตำแหน่งสำคัญระดับ “เกรดเอ” คุมหน่วยงานสำคัญ ทั้งสันติบาล ทางหลวง โดยเฉพาะกองปราบฯ ลองคิดดูแล้วกันว่าขนาดไหน หากจำกันได้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ที่ดูแลสตช. พยายามจะเด้งหลายรอบ หาเรื่องยกเอาบ่อนพระรามเก้าจะมาเล่นงานก็ไม่สำเร็จ แสดงว่าอยู่ใน “สายแข็ง” แน่นอน แต่เมื่อเด้งไม่ได้ ก็ต้องหาทาง “เลี่อย-สกัด” ทุกทาง ดังนั้นเมื่อได้โอกาสก็ต้อง “เอาคืน” และนี่อาจเป็นที่มาของปฏิบัติการที่ “ลับสุดยอด” ที่แม้แต่ ผบ.ตร.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ได้แต่แบ๊ะแบ๊ะ พูดไม่เป็น ยิ่ง เป็ดเหลิม ยิ่งไปกันใหญ่ ได้แต่ร้อง “ก๊าบ ก๊าบ” อย่างเดียว
00 ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่า การจับกุมกำนันเป๊าะต้องสะเทือนไปถึง ทักษิณ ชินวัตร เต็มๆ ถูกตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่โดนรวบบ้าง ทั้งที่เป็นอาชญากรเหมือนกัน ถูกศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว แต่กลับหาทางช่วยลบล้างความผิด นิรโทษกรรม ทำตัวเป็น “อีแอบ” คิดจะ “พ่วง” ไปกับพวกมวลชนรากหญ้า ช่างเห็นแก่ตัวสิ้นดี ขณะเดียวกันเมื่อตามข้อมูลบอกว่า กำนันเป๊าะ หลบมากบดานที่เมืองชลนานนับปี แล้วตำรวจที่นั่นมัวทำอะไรอยู่ ผบ.ตร.ทำอะไรอยู่ รวมไปถึงอยากรู้ว่า ผบช.ภ.2 คนปัจจุบันเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง “หลานเขย” ทักษิณ นี่แหละ ถึงได้บอกว่างานนี้สะเทือนไปไกล
00 และที่ต้องทำความเข้าใจกันเสียใหม่ก็คือ การจับกุมคราวนี้ ไม่ใช่การต่อรองการเมือง เพราะสภาพความเป็นจริงทั้งตัวกำนันเป๊าะ และพรรคพลังชล ก็ไร้อำนาจต่อรองอย่างสิ้นเชิงแล้ว ประเภทข่าวที่ว่าบีบให้เข้าพรรคเพื่อไทยนั้น ถามว่าบีบทำไม มีพลังอย่างนั้นหรือ เวลานี้เขาโยนเก้าอี้รัฐมนตรี และให้ร่วมรัฐบาล ก็บุญโขแล้ว
00 จะเปรียบเทียบ หรือเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ สำหรับความพยายามในการล้างความผิดของบรรดา ทักษิณ ชินวัตร และ หัวโจกเสื้อแดง ผ่านทางการเสนอพระราชกำหนด หรือเป็นพระราชบัญญัติ ซึ่งแน่นอนแล้วว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยรับลูกจะออกเป็นแบบ “พระราชบัญญัติ” โดยเวลานี้วิปรัฐบาลได้ส่งร่างไปให้กฤษฎีกาพิจารณาข้อกม.แล้ว
00 ในตอนแรกหลายคนอาจสับสน รู้สึกงงๆอยู่บ้าง ที่จู่มีการปลุกกระแสเรื่องการ “นิรโทษกรรม” ขึ้นมาอีกรอบ แต่เมื่อพิจารณาถึงเนื้อหา และบรรยากาศในยามนี้รอบด้านแล้วก็ถึงบางอ้อ เพราะถ้าไม่รีบดันกันตอนนี้ ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และลิ่วล้อ ก็มีโอกาสติดคุกหัวโต อีกทั้งยิ่งเวลาทอดนานเท่าใด มันก็ยิ่งไม่ชัวร์ ทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืน และที่สำคัญเพิ่งได้เห็นคำตัดสินของ สมยศ พฤกษาเกษมสุข มันก็ยิ่งเสียวสยอง แม้จะเป็นคนละเรื่อง คนละกรณี แต่อีกด้านหนึ่งมันก็สามารถโยงเป็นเรื่องเดียวกัน และกลายเป็นหอกพุ่งกลับมาหาได้เหมือนกัน
00 ในตอนแรกอาจมองว่า พวกนิติราษฎร์ พวก “หัวครก” พยายามเสนอแก้ไขรธน.ให้นิรโทษฯ กันแบบยกเข่ง ไม่เลือกสีไม่เลือกกลุ่ม เป็นการกดดัน และเกิดการแตกแยกกันกับฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเสียแล้ว แม้แต่ภาพที่ออกมาจากการชุมนุมหน้าทำเนียบฯ เมื่อวันอังคารที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา จะดูเหมือนจะทำให้ “เสียความรู้สึก” ไม่มีราคา เพราะได้รับการปฏิเสธจากรัฐบาล ทั้งนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพวกหัวโจกเสื้อแดงต่างก็ชิ่ง ไม่มีใครไปร่วมสักคนเดียว อย่างไรก็ดี หากมองให้ละเอียดจะพบว่านี่คือ “เกมปาหี่” ทำทีเหมือนกับว่าจะบุกเข้ามาพร้อมกันทุกทิศทาง แต่ที่ไหนได้ เป็นแค่ “สับขาหลอก” มีหลอกล่อให้งง แล้วปล่อยให้สายหนึ่งบุกเข้าไปจ่อเป้าหมายอยู่ข้างหน้า
00 เหมือนกับตอนนี้ที่กำลังเตรียมเสนอเป็นพระราชบัญญัติ กำลังให้กฤษฎีกาพิจารณา จากนั้นก็นำเข้าสภา ขณะเดียวกันก็มีร่างพระราชบัญญัติปรองดอง (ล้างผิด) ของ “บังเละ” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน คาอยู่ในวาระสภา รอจังหวะประกบอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่า การเสนอเข้ามาเป็นพระราชบัญญัติ สามารถใช้เสียงข้างมากในสภาโหวตให้ผ่าน แม้ว่าจะยังมีขั้นตอนการแปรญัตติ อีกหลายขั้นตอน แต่ในเมื่อมีการจุดพลุสร้างกระแสนิรโทษให้กับมวลชนนำหน้า มันก็มีโอกาสได้รับความเห็นใจ แต่กลายเป็นว่า ทำไปทำมาชักไม่หมูเหมือนเดิมอีก เพราะเมื่อไปดูในรายละเอียดข้อความทีละบรรทัด ก็จะพบว่า จะมีรายการอาศัย “ลูกมั่ว” เพื่อหวังจะช่วย ทักษิณ ชินวัตร และพวกหัวโจกเสื้อแดงเป็นหลัก พ่วงไปด้วย
00 ที่ผ่านมา แม้ว่า “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร จะผิดคิว ออกมารับคำท้านิรโทษฯกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ แบบสองต่อหนึ่ง แบบไม่ได้ปรึกษาพ่อ หวังแต่เอาใจมวลชนแดงเฉพาะหน้า แต่จนถึงวันนี้ ตัว ทักษิณ เองก็ยังเงียบกริบ ไม่ยอมออกมารับคำท้าด้วยตัวเอง ว่าจะไม่ขอรับประโยชน์จาก พ.ร.บ.นิรโทษฯ แต่อย่างใด เพราะอย่างที่รู้กันทั่วไปนั่นแหละ ปัญหาที่ยังปั่นป่วนจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นเพราะเขายังไม่พ้นผิด กลายเป็นว่า “เอาเปรียบ-ต้มคนอื่นไปเรื่อย”
00 หลายคนมองออกว่า สาเหตุที่ต้องรีบดัน พ.ร.บ.นิรโทษฯ อีกรอบก็มีสาเหตุมาจากปัญหาแก้ไข รธน. เพื่อ “ล้างความผิดแม้ว” ที่ต้องทำประชามติก่อนมีอุปสรรค โอกาสผ่านยาก และที่สำคัญ ถ้าไม่ผ่านรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบนี่สิคือปัญหา จึงต้องหันเหหัวเรือกลับมาที่เดิม นั่นคือเสนอเป็น พ.ร.บ.นิรโทษฯ ซึ่งคราวนี้ถ้าสังเกตให้ดี จะหันกลับมา “ใช้บริการ” ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อีกรอบ แต่เชื่อเถอะ ไม่ว่าจะมาแนวไหน ถ้าคิดเอาเปรียบคนอื่นร่ำไปแบบนี้มันผ่านยากเชื่อเถอะ !!