นายกฯ โยนตู้มข้อเรียกร้องนิรโทษกรรมกลุ่ม 29 มกราฯ ให้กฤษฎีกาศึกษา เผยดูแค่วิธีไหนบ้านเมืองสงบ เชื่อแก๊งแดงกดดันไม่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ส่วนคดียิงรถข่าว ASTV ย้ำ “คำรณวิทย์” หาผู้กระทำความผิด มาแปลกไม่ตอบคุกคามสื่อหรือไม่ อีกด้านเผยยังไม่ได้คุย “เติ้ง” ขอปรับ ครม.หลังน้องชายถึงแก่อนิจกรรม
วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกลุ่มแนวร่วม 29 มกราฯ ปลดปล่อยนักโทษการเมือง เรียกร้องให้รัฐบาลรับข้อเสนอการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีในเหตุการณ์ชุมนุมปี 53 ว่า เบื้องต้นมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับข้อเสนอ ซึ่งเท่าที่ทราบมีหลายแนวทางที่ส่งมาให้รัฐบาล โดยขั้นตอนหลังจากนี้คงจะรับข้อเสนอทั้งหมดรวบรวมส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูข้อดีและข้อเสียต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าระหว่างการออกเป็นพระราชกำหนด พระราชบัญญัติ หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการนิรโทษกรรม สิ่งไหนจะเหมาะสมที่สุด นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กลับไปเหมือนเดิม ซึ่งขั้นตอนต่างๆ จะต้องช่วยดูว่าจะมีแนวทางอย่างไรให้เกิดความสงบมากกว่า นี่คือจุดมุ่งหมายที่อยากขอ เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยื่นคำขาดขอคำตอบรัฐบาล 6 โมงเย็นวันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างที่เรียนมีขั้นตอนตามกฎหมาย และต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาก่อน เราคงต้องรับเรื่อง และต้องเรียนจริงๆ ว่าในขั้นตอนกฎหมายเราไม่สามารถที่จะตอบได้ทันที แต่จะรับเรื่องนี้ทั้งหมดส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่ายังไม่ทราบ ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดู เพราะมีหลายรูปแบบ ต้องดูในรายละเอียด อย่างที่เรียนเราเร่งในการเอาข้อมูลต่างๆ ให้กฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาข้อดีและข้อเสียต่างๆ และดูว่าจะมีแนวทางออกอย่างไร ซึ่งแนวทางออกนั้นต้องว่าไปตามขั้นตอนของฝ่ายนิติบัญญัติด้วย โดยเราต้องทำหน้าที่รวบรวมก่อน ดังนั้นขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปศึกษาก่อน เมื่อถามว่า ถือว่าคนเสื้อแดงกำลังกดดันรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถือว่าเป็นในแง่ของอุดมการณ์ และเป็นแนวทางที่นำเสนอรัฐบาล ทุกหน่วยงานไม่ว่ากลุ่มไหนส่งเรื่องมา รัฐบาลคงต้องรับเรื่องทั้งหมดไปดำเนินการตามขั้นตอน ตามกฎหมายต่อไป
เมื่อถามว่าจะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวใช่ไหม น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่ เพราะทุกท่านมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้ รัฐบาลมีหน้าที่รับฟังความคิดเห็น เพราะความคิดเห็นนั้นเป็นการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตย สิ่งที่เรียกร้องต่างๆ รัฐบาลจะรับไปดำเนินการ แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย และเป็นไปอย่างสงบ เมื่อถามว่าจะกลายเป็นความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นแนวทางถกเถียงกันอย่างเข้มข้นในเชิงของความคิด แต่เชื่อว่าไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งไปก่อให้เกิดเรื่องการใช้กำลังรุนแรง อย่างที่เรียนระบอบประชาธิปไตย ทุกคนสามารถมีสิทธิเสรีภาพในการออกเสียงได้ แต่ขอให้อยู่ในขอบเขต
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบยิงรถข่าวสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีว่า เมื่อได้ข่าวก็เสียใจกับเหตุการณ์ ขอเรียนว่าไม่ว่าใครไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และได้ย้ำทางพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้เร่งดำเนินการตรวจสอบ และหาผู้ที่กระทำความผิดโดยเร็ว อันนี้ถือเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องติดตามอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการคุกคามสื่อหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่าเหตุผลอะไร อย่างไร ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะกับสื่อมวลชน จริงๆ แล้วก็ทุกคนด้วย เพราะทุกคนอยากอยู่ด้วยความปลอดภัย ก็ต้องทำหน้าที่ในการติดตามให้เต็มที่
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี หลังจากที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ขอปรับ ครม.ในส่วนของพรรค หลังนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ถึงแก่อนิจกรรมว่า จริงๆ แล้วยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน มีการร้องขอจากทางพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเดียว เราคงมองเฉพาะประเด็นนั้นมากกว่า