“ปลอดประสพ” เย้ย “สุขุมพันธุ์” นโยบายที่ประกาศทำไม่ได้จริง ตอนเป็นผู้ว่าฯ กทม. ทำไมไม่ทำ แนะคนกรุงเลือกของใหม่ “พงศพัศ” พูดจริงทำจริง เผยรัฐบาลเข้มปัญหาสิ่งแวดล้อม แม้ให้สัมปทานต้องตรวจสอบทุกระยะ ใครทำผิดยกเลิกทันที เตรียมนำปัญหาภัยแล้งเข้าที่ประชุม กบอ.พรุ่งนี้ ผุดไอเดียจ้างคนเผามาดูแลป้องกันการเผาหญ้าก่อให้เกิดหมอกควัน
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสนามการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า จากโพลสำรวจการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. คะแนนของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนใกล้เคียงกัน ในนามของรองหัวหน้าพรรคต้องขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่เมตตา พล.ต.อ.พงศพัศ
“ยังมีคะแนนเสียงจากคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจอีก 52 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งท่านต้องตัดสินใจ แต่หากท่านตัดสินใจเลือกคนเดิมท่านก็จะได้เหมือนเดิม หากท่านต้องการสิ่งใหม่ก็ต้องเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ ไม่ว่าคุณชายจะแสดงนโยบายอะไร สำหรับผมไม่มีความหมาย ท่านก็ทำเหมือนเดิม นโยบายที่ท่านประกาศท่านจะมากั๊กไว้ประกาศทำไมตอนนี้ ตอนที่ท่านอยู่ทำไมไม่ประกาศ ไม่ทำ พอจะมาเป็นผู้ว่าฯใหม่ก็มาทำ จึงอยากให้อีก 52 เปอร์เซ็นต์ตัดสินใจ และการตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการเอาคนใหม่มาทำ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาเตือนไม่ให้ชูนโยบายเกินจริงในการหาเสียง ทางพรรคเพื่อไทยต้องระวังหรือไม่ นายปลอดประสพกล่าวว่า เราไม่เกินจริง เราพูดและเราทำ พวกตนช่างทำแต่ไม่ได้ช่างพูด คู่แข่งบางคนช่างพูดแต่ทำไม่เป็น
นายปลอดประสพในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เรื่องสิ่งแวดล้อมวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ 1. ต่อไปนี้เรื่องการขอสัมปทานที่ได้อยู่แล้ว และจะขอใหม่ จะไม่ยอมให้มาขอล่วงหน้าหรือขอเผื่อ เช่น สัมปทานทำเหมืองหินซีเมนต์ ซึ่งอีก 2-3 ปีจะหมดและมาขอต่อ ต่อไปนี้จะทำไม่ได้ 2. เรื่องการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการอนุมัติตามปกติแล้ว ผู้ที่มาใช้ประโยชน์ทรัพยากรจะมีหน้าที่ฟื้นฟูและจ่ายทดแทน ดังนั้นจะมีกติกาขึ้นมาเช่น การทำเหมืองจะทำเท่าไหร่ก็ตาม จะต้องปลูกป่า 25 เท่าของพื้นที่ที่ใช้ และในระหว่างที่ดำเนินการเมื่อไหร่ที่ทำสิ่งแวดล้อมและประชาชนเสียหายอย่างรุนแรงเราจะยกเลิก ไม่ใช่อนุมัติแล้วอนุมัติเลย
3. ต่อไปนี้ในทุกโครงการที่ได้รับอนุมัติไปแล้วจะมีการติดตามอย่างละเอียดตลอดเวลา ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบ โดยจะให้กรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ รวมทั้งเจ้าของโครงการคือกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องมีหน่วยงาน ที่ประเมินเป็นรายวันรายเดือนแก่คณะกรรมการตลอดเวลา นอกจากนี้ตนจะทำเว็บไซต์ให้มีการรายงานตลอดเวลา โดยทั้งหมดจะทำเป็นข้อกำหนดตามอำนาจของข้าราชการสิ่งแวดล้อม ต่อไปนี้ในการอนุมัติทุกโครงการ เจ้าของโครงการต้องมาด้วยตนเอง โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นายปลอดประสพกล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งว่า จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ในวันศุกร์ที่ 25 ม.ค.นี้ โดยจะหารือในส่วนของภาคอีสานเป็นหลัก ส่วนปัญหาเรื่องหมอกควันนั้นดีขึ้นตั้งแต่ใช้มาตรการใหม่ คือ 1. ไม่ให้เผา 2. ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ ต้องตั้งพื้นที่ส่วนหน้า 3. ต้องมีคำสั่งไล่ลงไปเป็นระดับ 4. มีเว็บไซต์ต้องรายงานทุกวินาทีว่าทุกพื้นที่สภาพอากาศเป็นอย่างไร
ส่วนพื้นที่ภาคเหนือที่มีการเผาหญ้าบริเวณริมถนนนั้น นายปลอดประสพกล่าวว่า เรื่องนี้จะมีการแบ่งความรับผิดชอบชัดเจนว่าพื้นที่บริเวณไหนใครดูแล ต่อไปนี้คนเผาจะถูกจับ และจะต้องมีตัวชีวัดในเรื่องคุณภาพอากาศ จำนวนโรงเรียนที่หยุดเรียน จำนวนคนไข้ที่เข้าโรงพยาบาล เรื่องการหยุดบินของเครื่องบินที่ไหนบ้าง โดยเรื่องนี้จะมีการตรวจสอบทุกวัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาใหญ่คือเรามีอุปกรณ์ให้เจ้าหน้าที่พร้อมหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่พร้อมมากนัก เราจะจ้างประชาชน 3 เดือน ให้มาช่วยดูแลป่าและช่วยดับไฟ และประชาชนที่โดนจ้างจำนวนไม่น้อยคือคนที่ชอบเผา คือรัฐบาลจะหารายได้ให้คนที่จำเป็นต้องเผามาเป็นผู้รักษาป่า โดยจะจ้างเป็นรายวัน ใช้งบพิเศษที่มาจากงบกลาง และจะมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอรับผิดชอบ เพราะเขาจะรู้ว่าประชาชนคนไหนเผา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำรายละเอียด
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่เผาฟางข้าวอยู่ นายปลอดประสพกล่าวว่า กรณีนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะรับผิดชอบ โดยนำเครื่องจักรไปไถกลบและถ้าบังเอิญพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่บุกรุกรัฐก็จะเข้าไปทำเอง ส่วนกรณีปัญหาเขื่อนปากมูลนั้น ตนไม่ขอแสดงความเห็น ขณะนี้กำลังมีการเจรจากันอยู่