xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” โว “จูดี้” เข้าวิน ชูปราบยาฯ คนละชั้น “คุณชาย” - ปัดโรฮิงญาเอี่ยวโจรใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี(แฟ้มภาพ)
“เป็ดเหลิม” จวกข้อกล่าวหา “พงศพัศ” สุดมั่ว ชูประวัติเจ๋งจริง ประสาน ตร.เยี่ยม ปราบยาฯ เด่น ตรงข้าม “สุขุมพันธุ์” ไร้เงา ร่วมศูนย์พลังแผ่นดินปราบยาฯ เย้ยอย่าขายจุดนี้ รับ 4 เขตยังเป็นรอง แต่อ้างมุกเลือกพวก รบ. โวชนะแน่ เงียบ “หญิงหน่อย” หาย-ย้ำคุมโรฮิงญาไม่ละเมิดมนุษยชน ปัดร่วมป่วน จชต. ถก กต.-มท.-ฝ่ายมั่นคงเอาไงต่อ แนะส่งประเทศมุสลิม ไม่ตอบ พ.ร.ก.แก๊งแดง

วันนี้ (17 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการช่วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามพรรคเพื่อไทยหาเสียงว่า การที่ พล.ต.อ.พงศพัศถูกกล่าวหามี 2 ประเด็น คือ 1. ลักทรัพย์วิทยุ ซึ่งท้ายที่สุดข้อเท็จจริงยุติว่าไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการกล่าวหาเรื่องก็จบ และ 2. มีการกล่าวหาว่าเปลี่ยนชื่อจากไพรัชมาเป็นพงศพัศแล้วมีการขอพระราชทานยศ คนที่พูดแบบนี้ไม่รู้เอาส่วนไหนของสมองมาคิด เพราะ พล.ต.อ.พงศพัศนั้นได้ขอพระราชทานยศเมื่อปี 2540 ในชื่อไพรัช และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พอปี 2541 ช่วงปลายปีก็ขอเปลี่ยนชื่อเป็นพงศพัศ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่กล่าวหา แล้วไหนบอกกันว่าจะหาเสียงแบบสร้างสรรค์

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า ตนอ่านข่าวเมื่อเช้าแล้วตกใจที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าจะหาเสียงจะแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้ในช่วง 1 ปี 6 เดือน ที่ตนเป็น ผอ.ศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดมีการประชุมหลายครั้ง แต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งเป็นคณะกรรมการด้วยไม่เคยมาประชุมเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพียงแต่ส่งระดับ ผอ.และรอง ผอ.สำนักมาเท่านั้น ตนคิดว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ไปขายอย่างอื่นดีกว่า อย่าขายเรื่องนี้เลย อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ช่วย พล.ต.อ.พงศพัศหาเสียงเฉพาะโซนฝั่งธนบุรีเท่านั้นแต่จะช่วยทั้ง กทม.

ผู้สื่อข่าวถามว่า โพลระบุว่ามีพื้นที่ 4 เขตใน กทม.ที่พรรคเพื่อไทยสู้คู่แข่งไม่ได้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า 4 เขตที่ว่า คือ พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ และดุสิต แต่การเลือกผู้ว่าฯ มี 50 เขต ถ้าคะแนนรวมกันชนะก็แปลว่าชนะ แพ้บางเขตก็ไม่เป็นไร และถึงเป็นรองตนก็มั่นใจว่าชนะ

เมื่อถามว่าจะหาเสียงในพื้นที่ กทม.ชั้นในอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า พรรคหาเสียงแต่ตนช่วยปราศรัย ตนจะบอกว่าขอให้ชาว กทม.ช่วยพิจารณา 3 อย่าง คือ 1. ส่วนสัมพันธ์ระหว่าง กทม.กับรัฐบาลต้องแน่นแฟ้น จะแตกแยกแตกต่างไม่ได้ ข้อ 2 คือตัวผู้สมัคร และ 3. เรื่องนโยบาย ซึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศต้องอธิบายว่า กทม.กับรัฐบาลต้องไปด้วยกัน ผู้ว่าฯ กทม.กับนายกรัฐมนตรีต้องคุยกันก่อนและทำความเข้าใจ

“ที่ผมเชียร์ พล.ต.อ.พงศพัศ เพราะเขาเป็นนักเรียนเตรียมทหารคนเดียวที่ได้ที่ 1 สองปีซ้อน และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจคนเดียวที่ได้ที่ 1 สี่ปี และเป็นหัวหน้านักเรียนด้วย บางคนเรียนเก่งแต่ไม่ได้เป็นหัวหน้านักเรียน บางคนเป็นหัวหน้านักเรียนแต่เรียนไม่เก่ง ฉะนั้นคุณสมบัติครบ ถ้าได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะรับใช้ชาว กทม.ได้ดีกว่า ผมจะเน้นให้ พล.ต.อ.พงศพัศปราศรัยแก้ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และจราจร ต้องคนที่สามารถประสานกับตำรวจได้ ซึ่ง พล.ต.อ.พศพัศประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รวมทั้งประสานกับรัฐบาลได้ ชนะแล้ว” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

เมื่อถามต่อว่า คะแนนในพื้นที่กทม.ของประชาธิปัตย์มีถึง 9 แสน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวสั้นๆ ว่า “9แสนก็ลดได้ เอาหละเป็นรอง แต่ฟันธงชนะ” ซักต่อว่าดูเหมือนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่ได้มาช่วยหาเสียง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า “ว่าไงนะ มาถามผมได้ไง”

ส่วนกรณีการสอบสวนกลุ่มโรฮิงญาที่หลบหนีเข้าเมือง รองนายกฯ กล่าวว่า ตนได้นำรายละเอียดทั้งหมดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปแล้ว ซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติว่าใครต้องรับผิดชอบ แต่เมื่อเราควบคุมตัวเขาแล้ว ก็ต้องนึกถึงหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งตนอยากให้พิจารณากระบวนการทั้งหมดอย่างถ่องแท้ เราต้องดูแลเขา เพราะเขาอยู่ในความควบคุมของเรา ต้องใช้วิธีการที่นุ่มนวล ถูกต้องที่ชาวโลกยอมรับในการดำเนินการต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับประเทศไทยและมิตรประเทศ ทั้งนี้ตนจะเรียกผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาสอบถามว่าทำไมถึงมีคนหลายร้อยคนหลบหนีเข้ามาได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มโรฮิงญาจะกระทบต่อความมั่นคงของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คงไม่ถึงกับไปสร้างความไม่มั่นคงในพื้นที่ ซึ่งตนไม่กังวลใจว่ากลุ่มนี้จะไปร่วมมือกับกลุ่มมุสลิมในภาคใต้ก่อเหตุ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน และสถานการณ์ภาคใต้ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว แต่ที่เป็นปัญหาคือการเข้ามาของกลุ่มโรฮิงญา ที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ประเทศไทยก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ถ้าเราทำรุนแรงไปก็จะถูกวิจารณ์ แต่ถ้าไม่ทำเลยก็จะภาระให้กับประเทศไทย เราต้องค่อย ๆ คิดและปรึกษาหารือกัน ส่วนจะเปิดเป็นศูนย์พักพิงหรือไม่ ก็ต้องปรึกษาหารือกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคง ว่าถ้ามีกรณีอย่างนี้อีกจะทำอย่างไร

เมื่อถามว่า มีประเทศที่ 3 พร้อมที่จะรับกลุ่มโรฮิงญาหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องใช้ วิธีการในการประสานของประเทศที่เขามีความพร้อม มากกว่าประเทศเราที่จะส่งคนเหล่านี้ไปอยู่ได้ โดยไม่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน และเราต้องหาประเทศที่ 3 ที่เขามีความพร้อม ซึ่งอาจเป็นประเทศที่เป็นมุสลิมเพราะเขามีความพร้อมเรื่องแผ่นดินและ ทรัพย์สิน

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรมที่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกล่าวแต่เพียงว่ายังไม่เห็นเรื่อง เพราะเรื่องนี้ต้องดูเอียด


กำลังโหลดความคิดเห็น