ผ่าประเด็นร้อน
นับจากวันนี้เป็นต้นไปกระแสศึกเลือกตั้งในสนามเล็กอย่างผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หากนับตามตารางปฏิทินเวลา วันที่ 15 มกราคม พรรคเพื่อไทยก็เปิดตัว พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อลงชิงเก้าอี้ดังกล่าว แม้ว่าไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น เพราะชาวบ้านรู้กันมาตั้งนานแล้ว แต่ที่ผ่านมายังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าต้องการ “ตีกิน” เป็น “อีแอบ” อยู่ข้างหลังชายกระโปรงนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้งบหลวงหาเสียงฟรีๆ มานานหลายเดือน
สามารถใช้กลไกรัฐในตำแหน่งหน้าที่หาเสียงกันแบบ “เหนือเมฆ” มานานล่วงหน้าเป็นเดือนๆ อีกทั้งที่ผ่านมาพยายามสร้างภาพภายในพรรคเพื่อไทยให้เห็นบรรยากาศการแข่งขันทำท่าเสนอคนนั้นคนนี้ เช่น สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือก่อนหน้ายังมีชื่อของ ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีสอดแทรกเข้ามา แต่ขอโทษสำหรับคนที่รู้ทันมันแค่ “เกมกระจอก” เพราะที่ผ่านมาเจ้าของพรรคอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ได้เคาะเอาไว้ตั้งนานแล้ว
สำหรับ ทักษิณ นาทีนี้ถือว่า พล.ต.อ.พงศพัศนี่แหละเหมาะสมที่สุด เพราะเป็นนักสร้างภาพฉาบฉวยไม่มีใครเทียบ มีวิธีการทำงาน “เสนอหน้า” โชว์สื่อรายวันแบบนี้แหละที่ต้องการ และที่สำคัญเป็นตำรวจ เป็นสีเดียวกัน
อีกทั้งมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่ากระแสของพรรคเพื่อไทย รัฐบาล รวมทั้งตัวของทักษิณเองมีอยู่สูง จนถึงกับกล้าพูดจากหยามน้ำใจคนกรุงเทพมหานครว่า แม้แต่ส่ง “เสาไฟฟ้า” ลงไปก็ได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งนั่นอาจเป็นข้อมูลของพวกลิ่วล้อที่ป้อนข้อมูลไปให้แบบผิดๆเพื่อหวังเอาใจนาย ทำให้ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดบ่อยครั้ง
ขณะเดียวกัน หันมาทางฟากฝั่งแชมป์เก่าอย่างพรรคประชาธิปัตย์กันบ้าง คราวนี้ยังคงดันหลัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลงรักษาเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีกครั้ง แม้ว่าใครๆ ก็รู้ว่าเป็นความจำใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ชิงเปิดตัวไปก่อนพรรค เป็นการมัดมือชก เพราะหากเปลี่ยนตัวเสนอชื่อคนอื่นลงแทนก็จะมีกระแสความขัดแย้ง เป็นการตัดคะแนนกันเอง ซึ่งแน่นอนว่าโอกาสชนะริบหรี่เต็มทน
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากความรู้สึกของคนกรุงเทพมหานครบ้างที่ต้องทนอยู่กับการทำงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่ชื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หลายเรื่องไม่น่าประทับใจ โดยเฉพาะการทำงานที่ออกมาในลักษณะฉายเดี่ยว หลายครั้งมีเรื่องอื้อฉาว มีการร้องเรียนหลายครั้ง แม้ว่าจะรับรู้กันว่ามีเบื้องหลังทางการเมือง แต่รับรองว่าต้องมีมูลเจอปนไม่น้อย การทำงานในภาพรวมถือว่ายังไม่น่าประทับใจ มีความล่าช้าเฉื่อยแฉะ
อารมณ์ความรู้สึกดังกล่าวแม้กระทั่งภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็รู้สึกอึดอัดใจมานานแล้วเช่นเดียวกัน และที่สำคัญจากผลงานที่ยังไม่มีอะไรโดดเด่น ผลจากการสำรวจในระยะหลังยังมีความเสี่ยงเป็นไปได้ทั้งชนะหรือแพ้เลือกตั้ง
นี่ขนาดยังไม่ได้เวลาเชิดฉิ่งกันในสนามเลือกตั้ง บรรยากาศยังมีแนวโน้มจืดชืดตัวบุคคลไม่มีสีสันเท่าที่ควร มันก็น่าหนักใจ เมื่อเปรียบเทียบกับฝ่ายตรงข้ามคือพรรคเพื่อไทย ที่มีกลไกรัฐเป็นเครื่องมือจึงมั่นใจเต็มพิกัด ถึงขนาด ทักษิณ ชินวัตร ยังอดใจไม่ไหวมั่นใจถึงขนาดพูดออกมาว่า ส่งเสาไฟฟ้ามาให้ คนกรุงเทพฯ ก็ต้องเลือก
บรรยากาศเท่าที่เห็นดูแล้วมันช่างหดหู่ ไม่มีความหวังเท่าที่ควร เพราะตัวแทนจากสองพรรคใหญ่ที่เสนอตัวเข้ามาให้เลือก ทั้งคนเก่าที่ต้องการรักษาแชมป์ อย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผลงานโดยรวมที่ผ่านมาไม่น่าประทับใจ ขณะที่ผู้ท้าชิงจากพรรคเพื่อไทย อย่าง พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ นั้นเมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์ใครที่ติดตามมาอย่างรู้ทันคนแบบนี้เป็นได้แค่นักประชาสัมพันธ์ สร้างภาพอย่างฉาบฉวยเท่านั้น อีกทั้งเชื่อว่าเมื่อเข้ามาสู่สนามการเมืองเต็มตัวแล้ว เชื่อว่า “แผลเก่า” เมื่อครั้งอยู่เมืองนอกเรื่อง “คดีความในห้าง” ก็อาจถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเปิดโปงอีกครั้ง แม้ว่านั่นอาจไม่ใช่ประเด็น เท่ากับความหวังในเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน
ดังนั้นถ้าให้สรุปอีกครั้งก็ต้องบอกว่าบอกว่า เมื่อเห็นหน้าตาตัวบุคคลที่เสนอตัวลงแข่งขันในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่กำลังจะเกิดขึ้นภายใน 60 วันนั้นมันช่างไร้ความหวัง มีแต่เรื่องสร้างกระแสฉาบฉวย ไม่ใช่ “แก่น” อีกฝ่ายดูแล้วมันก็เป็นได้แค่ “เสาไฟฟ้า” อย่างที่พูดเปรียบเทียบให้เห็น ขณะที่จากอีกพรรคหนึ่งมันก็คือ “แมลงสาบ” จะทำให้คนกรุงเทพฯมีทางเลือกแบบมัดมือชกแบบนี้หรือ!!
