เกาะกระแส
00 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในยุคนี้นอกจากจะได้เห็นตำรวจก่อม็อบแล้ว ยังมีทหารก่อม็อบเพื่อปกป้องนาย ปกป้องตัวเอง และเป็นครั้งแรกในยุคที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้บัญชาการทหารบก จะไฟเขียวให้ทหารในเครื่องแบบตบเท้ายกขบวนมาคุกคามฝ่ายตรงข้าม ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าทำให้ตัวเองไม่พอใจ
00 ภาพทหารบกในเครื่องแบบยกขบวนมาที่หน้า “บ้านพระอาทิตย์” เมื่อวันก่อนพร้อมทั้งมีการ “ไฮปาร์ค” ผ่านเครื่องขยายเสียงโจมตี “เอเอสทีวีผู้จัดการ” ต่อเนื่องกันสองวันซ้อน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็น “ปรากฏการณ์อัปยศ” หลายอย่าง ที่สำคัญได้เห็น “ตัวตน” ของคนที่ชื่อ ประยุทธ์ ชัดเจนขึ้นไปอีก ว่าเขาทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้อยู่รอด และทนไม่ได้ที่ใครก็ตามรู้ทันแล้วนำมาเปิดโปงความล้มเหลวของตัวเอง
00 วันก่อนเคยส่งเสียงเข้มว่า ห้ามทหารออกมาร่วมชุมนุมอย่างเด็ดขาด ความหมายก็ยังรวมถึงนอกเครื่องแบบและถึงขนาดนอกเวลาราชการก็ห้าม หรือแม้กระทั่งครั้งหนึ่งมีข่าวเลยเถิดถึงขนาดห้ามคนในครอบทหารออกห้ามออกมาด้วย ถ้าฝ่าฝืนก็ถือว่ามีความผิดทางวินัย ส่วนคนในครอบครัวที่อาศัยบ้านพักของทหารถ้าจับได้ก็ต้องอัปเปหิออกไปทันที แม้ว่าอย่างหลังจะมีการออกมาแถลงปฏิเสธบอกว่าเข้าใจผิดกันก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นคำสั่งที่ประหลาด อ้างว่านี่คือความ “เป็นกลาง”
00 อย่างไรก็ดีหากเป็นการมองอย่างรู้ทันแล้วนี่เป็นแค่ “เกมการเมือง” เพื่อประคองตัวเองเอาตัวรอด และ “ปกปิดความล้มเหลว” ในทุกเรื่อง ถ้าสังเกตให้ดีคำสั่งห้ามทหารร่วมม็อบก็เพิ่งเกิดขึ้นในยุคที่มีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม นำโดย “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และถัดไม่กี่วันที่ผ่านมาก็เสียงเข้มอีกห้ามทหารร่วมชุมนุมกับคนไทยรักชาติกลุ่มหนึ่งที่เรียกร้องให้ปกป้องดินแดนไทย การชุมนุมทั้งสองกลุ่มดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นการชุมนุมเพื่อต่อต้านรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นหุ่นเชิดของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น ความหมายเท่าที่เห็นก็ไม่ต่างจากการรับลูกสอดคล้องกับฝ่ายรัฐบาลกันอย่างแนบสนิท
00 ขณะเดียวกันถ้าถามกันอย่างตรงไปตรงมาให้ลองบอกมาสักเรื่องว่าในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้บัญชาการทหารบก มีผลงานอะไรโดดเด่นน่าประทับใจบ้าง ตั้งแต่เรื่องสถาบันฯถูกจาบจ้วงในฐานะผู้นำกองทัพได้เคยแสดงอาการเอาจริงเอาจังให้เห็นแค่ไหน กรณีศักดิ์ศรีทหารที่ถูกย่ำยี ปล่อยให้ลูกน้องถูก “ชายชุดดำ”ในม็อบเสื้อแดงใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม ถามว่ากรณีของ พ.อ.ร่มเกล้า(พล.อ.ร่มเกล้า) ธุวธรรม และทหารคนอื่นๆได้มีการแสดงท่าทีปกป้องลูกน้องให้เห็นแค่ไหน ทำไมต้องให้ภรรยาและครอบครัวของทหารเหล่านั้นต้องออกมาทวงถามความคืบหน้าหลายครั้ง ทำไมไม่ “ฮึ่ม” เอากับฝ่ายรัฐบาลหรือตำรวจให้หาคนลงมือสังหารมาดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาบ้าง เป็นเพราะเรื่องแบบนี้หรือเปล่าที่ “เอเอสทีวีผู้จัดการ” รู้ทันและเปิดโปงทำให้ต้อง “สติแตก” ถึงกับไฟเขียวให้ลูกน้องก่อม็อบมาข่มขู่ ทุด !!
00 มาพิจารณาผลงานอื่นๆกันบ้าง ไล่มาตั้งแต่เรื่องชายแดนภาคใต้ผ่านมากี่ปีแล้วล้วนอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ ในยุคก่อนที่ยังไม่ได้เป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มีอำนาจตามโครงสร้างใหม่อย่าง “เบ็ดเสร็จ” แต่ถามว่ามีแนวโน้มดีขึ้นหรือไม่ เพื่อความเป็นธรรมรู้ว่าปัญหามันสุดหิน เอาแค่ “แนวโน้ม” ไม่ถึงกับหวังสูงว่าต้องถึงขั้นประสบผลสำเร็จหรอก ที่ผ่านมาพอเกิดเหตุทีก็บอกว่า “ต้องใช้เวลา” ถามว่าต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่อีกกี่ปีกี่ชาติถึงจะมีแนวโน้มดีขึ้น
00 เมื่อถามถึงเรื่องชายแดนด้านตะวันออก ในฐานะผู้นำกองทัพลองตอบมาให้ชื่นใจหน่อยสิว่าได้สร้างความประทับใจสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยที่หวงแหนอธิปไตยแค่ไหน ในฐานะผู้บัญชาการทหารบกได้ทำให้กำลังทหารฝ่ายตรงข้ามยำเกรงแค่ไหน ได้ใช้ศักยภาพทางทหารกับเพื่อนบ้านที่เกเรแค่ไหน และไหนๆต้องพูดกันให้หมดในฐานะที่เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจจัดซื้อยุทโธปกรณ์กรณี “รถหุ้มเกราะล้อยางยูเครน” ก็ถูกวิจารณ์อย่างอื้อฉาว สารพัด
00 ที่น่าตลกก็คือทหารบกในเครื่องแบบจำนวนประมาณ 50 คนมีการใช้เครื่องขยายเสียงโจมตี เอเอสทีวีผู้จัดการสองวันซ้อน มากดดันให้ขอโทษ อ้างว่าทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เสื่อมเสีย เขียนข่าวโจมตีรุนแรงเกินจริง พฤติกรรมไม่ต่างกับ “ม็อบสีเขียว” ขณะเดียวกันก็ต้องย้ำว่าเขียนข่าวเกินจริงตรงไหน ไม่จริงตรงไหน และถ้าบอกว่า เอเอสทีวีผู้จัดการห่วย ก็ต้องยืนยันกลับไปอย่างเดิมว่า พล.อ.ประยุทธ์ คุณนั่นแหละห่วย !!