รายการช่องลูกทักษิณหยามช่างภาพเครือเนชั่น เกิดอาการวูบกลางสภาจนโคม่าวานนี้ “ชูวัส” โดดป้องนักการเมือง ผู้มีพระคุณพาทัวร์แดงเดือด ไม่เชื่อผู้ทรงเกียรติไร้น้ำใจ เหน็บที่สภาฯ มีหมอ-พยาบาลอยู่แล้วทำไมจะต้องไปโรงพยาบาล นักวิชาการแดงซ้ำเติม “ดราม่าเพื่อด่านักการเมือง” ด้านเลขาสภาฯ รับเสียใจ จนท.พระมงกุฎเกล้าเมินช่วยเหลือ ล้อมคอกส่งทีมแพทย์-รถพยาบาล 2 ชุด
วันนี้ (11 ม.ค.) รายการเวคอัพไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมวอยซ์ทีวี ของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดำเนินรายการโดย ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล, นายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บรรณาธิการเว็บไซต์ประชาไท และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่วานนี้ (10 ม.ค.) นายสกล สนธิรัตน์ ช่างภาพศูนย์ภาพเนชั่น เกิดอาการอาการวูบเกือบหมดสติระหว่างปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในอาคารรัฐสภา และพบว่าเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ประจำห้องพยาบาลรัฐสภา ปฏิเสธที่จะใช้รถพยาบาล เนื่องจากต้องคอยบริการ ส.ส. และอ้างว่าเคยถูกตำหนิกรณีมีเหตุการณ์ในสภาซ้อนขึ้นมา และท้ายที่สุดต้องเรียกรถกู้ภัยจากศูนย์นเรนทรนำส่งโรงพยาบาลกลาง และพบว่าอาการนายสกลเข้าขั้นโคม่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค.นั้น
นายชูวัสกล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่านักการเมือง ผู้บริหารระดับสูง หรือผู้ทรงเกียรติจะไร้มนุษยธรรมขนาดนั้น ซึ่งประเด็นแบบนี้จะทำกับชาวบ้านไม่ได้ ซึ่งชาวบ้านคนธรรมดาก็ยอมไม่ได้อยู่แล้ว ปัญหาของการแพทย์ทั้งหมดเป็นปัญหาเรื่องการสื่อสารระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ป่วย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดเสมอ เช่น เวลาไปหาหมอ คุยนานเกินไป ไม่รักษาสักที หมอกับคนไข้โดนทะเลาะกันเยอะ
“แต่ก็ดีฮะ เรื่องนี้ไม่ดรามามากเกินไป แต่ถามว่าหมออยู่ในที่นั่นหรือไม่ อยู่แล้วนะฮะ คุณหมอ พยาบาลอยู่ในที่นั่นอยู่แล้ว ทำไมจะต้องไปโรงพยาบาล” นายชูวัสกล่าว
นายชูวัสกล่าวอีกว่า พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ที่นั่น เขาก็ต้องวินิจฉัยก่อนที่จะนำส่ง เขาวินิจฉัยขั้นต้น มีหมออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว เขาก็ต้องใช้เวลาวินิจฉัย แต่เวลามันสัมพัทธ์ไม่ทันใจกับเพื่อนมิตรที่อยู่ตรงนั้น ซึ่งเป็นห่วงอาการอย่างรุนแรง บอกไม่ถูกว่าใครผิดใครถูก เป็นเรื่องที่เห็นใจเพื่อนที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร ก็อยากให้ส่งโรงพยาบาล ไม่ทันใจ ช้า ซึ่งเรื่องช้าเร็วสำหรับหมอไม่ใช่เรื่องช้า แต่สำหรับคนไข้แล้วช้า
นายศิโรตม์กล่าวว่า ข้อมูลที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ โรงพยาบาลของรัฐจำนวนมากมีห้องพิเศษสำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นต้นสังกัดของโรงพยาบาลจำนวนมาก เช่น โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ถ้าผู้ป่วยธรรมดาไปโรงพยาบาลกลาง หรือวชิรพยาบาล ถ้าเราอยากขอห้องเขาจะบอกว่าเต็ม แต่ความจริงโรงพยาบาลเหล่านี้จะมีห้องพิเศษ 3-4 ห้องเก็บไว้ให้ผู้บริหารของโรงพยาบาล หรือว่าผู้ใหญ่ของ กทม.เสมอ คิดว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจโรงพยาบาลรัฐของประเทศไทย
เมื่อนายชูวัสถามว่า เหตุผลที่รถพยาบาลต้องเผื่อฉุกเฉินสำหรับผู้ทรงเกียรติ คือการสื่อสารอย่างนี้เป็นปัญหา นายศิโรตม์กล่าวว่า อันนี้เป็นเรื่องดรามาเพื่อด่านักการเมือง
“ผมคิดว่ามันมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากให้คนที่โวยวายเรื่องนี้ไปตามก็คือว่า โรงพยาบาลรัฐจำนวนมากมีห้องซึ่งไม่ให้คนธรรมดาใช้ เก็บไว้เป็นห้องว่างอย่างน้อย 3-4 ห้อง ให้ผู้ใหญ่ของหน่วยงานต่างๆ เข้าไปรักษาได้ตลอดเวลา คุณคิดว่าเรื่องนี้ก็ต้องตามดู” นายศิโรตม์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวัสเป็นหนึ่งในคณะบุคคลที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาเชิญเดินทางไปเยือนต่างประเทศในทวีปยุโรป ได้แก่ ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส และเบลเยียม ระหว่างวันที่ 19-27 ก.ย. 2555 ตามโครงการดูงานรัฐสภา สื่อ และวิชาการพร้อมคณะสื่อมวลชนและคอลัมนิสต์ชื่อดัง รวมทั้งหมด 39 คน ซึ่งรวมทั้งนายพิชญ์ พงศ์สวัสดิ์ พิธีกรที่จัดรายการทางวอยซ์ทีวีร่วมกับนายชูวัส และตัวแทนจากสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมวอยซ์ ทีวี ได้แก่ นายน้ำเพชร เชื้อชม นายคมกริช สินพูนภักดิ์ นายชาคริต อ่อนน้อม และนายชัยธัช รัตนจันทร์
โดยการเดินทางดังกล่าว เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของข้าราชการในรัฐสภา และสื่อมวลชนประจำรัฐสภาเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการดูงานในระหว่างทีเปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไป รวมทั้งพบว่ามีกิจกรรมไม่เหมาะสมกับการใช้เงินงบประมาณ ซึ่งมาจากภาษีประชาชน อาทิ การรับประทานอาหารที่ภัตตาคารโฟร์ซีซั่นส์ ลอนดอน และบลูมเบอรี ลอนดอน การพักที่โรงแรมปาร์ก พลาซา เวสต์มินสเตอร์ การพาไปซื้อของที่โบโรห์มาร์เกต และการพาชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฟุตบอลคู่แดงเดือด ระหว่างสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล ฯลฯ
ด้านนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่รถพยาบาลฉุกเฉินของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งประจำอยู่ที่อาคารรัฐสภา ปฏิเสธที่จะนำตัวนายสกลส่งโรงพยาบาล ว่าเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และเป็นการทำหน้าที่ที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ม.ค. หากตนได้รับรายงานอย่างรวดเร็วก็จะสั่งให้รถพยาบาลฉุกเฉินที่ประจำอยู่ในอาคารรัฐสภาออกไปส่งนายสกลที่โรงพยาบาลทันที ซึ่งประเด็นนี้ตนได้ตำหนิเจ้าหน้าที่สภาฯ ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 10 ม.ค. ตนได้ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดจนถึงช่วงที่ทราบว่านายสกลเข้าห้องผ่าตัดเพื่อระบายน้ำและเลือดที่อยู่ภายในสมอง
นายสุวิจักขณ์กล่าวต่อว่า กรณีที่มีแพทย์ พยาบาล พร้อมรถฉุกเฉินมาประจำอยู่ที่อาคารรัฐสภาช่วงที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นสิ่งที่สำนักงานเลขาธิการสภา ได้มีหนังสือเป็นความตกลงกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รวมถึงโรงพยาบาลอื่นที่มีความพร้อมเรื่องการบริการฉุกเฉิน ให้เข้ามาบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินภายในอาคารรัฐสภา ในวันที่มีการประชุมสภาฯ โดยข้อตกลงดังกล่าวได้ระบุเบื้องต้นว่าให้ความดูแล รักษาพยาบาล อำนวยความสะดวกในการนำส่งโรงพยาบาลบุคลากรสภาฯ ซึ่งหมายถึง ส.ส., ส.ว., ที่ปรึกษา, ผู้ชำนาญการ, ข้าราชการ, ลูกจ้าง และรวมถึงสื่อมวลชนประจำรัฐสภาด้วย ทั้งนี้ตนจำรายละเอียดไม่ได้ว่าการทำหนังสือตกลงดังกล่าวเป็นเพียงการขอความร่วมมือ หรือมีการจ่ายเงินว่าจ้างให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภา
“หลังจากนี้ตนจะหารือกับทางโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถึงการปรับแผนพยาบาลฉุกเฉิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก เบื้องต้นจะขอให้มีการส่งทีมแพทย์และรถพยาบาลฉุกเฉิน จำนวน 2 ชุด มาประจำอยู่ที่รัฐสภา เพราะตนเห็นแล้วว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลแบบเร่งด่วนซ้อนกัน 2-3 ราย รถพยาบาลเพียงคันเดียวอาจไม่เพียงพอ” นายสุวิจักขณ์กล่าว
