พบเลือดออกแกนสมอง ช่างภาพศูนย์ภาพเนชั่น แพทย์ รพ.กลางดูอาการใกล้ชิด 72 ชม. บอกให้ทำใจเพราะห้าสิบ-ห้าสิบ พยาบาลพระมงกุฎฯ ประจำรัฐสภา ปอดแหกไม่กล้าใช้รถพยาบาลช่วยชีวิต อ้างต้องบริการ “ผู้ทรงเกียรติ” กลัวถูกเฉ่ง เพื่อนช่างภาพตอกกลับถามจริยธรรม “รอให้ตายก่อนเหรอถึงเอารถออก” พบที่ผ่านมาเคยดูถูก จนท.สภา-สื่อ เวลาขอยาสวนทำไมไม่เข้าประกันสังคม
วันนี้ (10 ม.ค.) มีรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ที่รัฐสภาฯ ระหว่างที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวเตรียมความพร้อมจัดงานวันเด็กแห่งชาติในวันเสาร์ที่ 12 ม.ค. ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้สื่อข่าวและช่างภาพไปรอทำข่าวเป็นจำนวนมาก ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ปรากฏว่า นายสกล สนธิรัตน์ ช่างภาพของศูนย์ภาพเนชั่น เกิดอาการผิดปกติสะดุดล้ม ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องประคองตัวมานั่งพัก แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น และได้บอกกับเพื่อนร่วมงานบางคนที่นั่งอยู่ใกล้กันให้พาไปโรงพยาบาล โดยมีสีหน้าซีดเซียว ปากซีด และมีอาการทรุดลง เนื่องจากนายสกลมีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว จึงรีบวิ่งไปตามเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ประจำห้องพยาบาลรัฐสภามาดูอาการ
เมื่อเจ้าหน้าที่พยาบาลมาถึง ได้ซักถามอาการกับผู้เห็นเหตุการณ์ และทำการวัดความดันนานกว่า 10 นาที ช่วงแรกนายสกลยังตอบได้ดี แต่เมื่อถูกซักมากๆ เจ้าตัวก็ตอบกลับมาว่า “ผมไม่ไหวแล้ว” ทำให้เพื่อนช่างภาพหลายคนยิ่งร้อนใจเพราะเห็นอาการไม่ดีขึ้น และถามกลับไปว่า ทำไมถึงไม่นำรถพยาบาลของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่เตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลาที่รัฐสภามารับตัวนายสกลไปส่งโรงพยาบาล เพราะเห็นอาการทรุดหนัก แต่เจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่กล้าจะใช้รถพยาบาล เนื่องจากต้องคอยบริการ ส.ส. เพราะเคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นแล้วนำรถไปส่งคนไข้ แต่บังเอิญมีเหตุการณ์ในสภาซ้อนขึ้นมาจึงต้องรอเรียกรถพยาบาลอีกคันมารับจากโรงพยาบาล
ช่วงเวลาดังกล่าวผู้ช่วยพยาบาลก็พยายามถามอาการนายสกลอีกว่าเป็นอะไรมากหรือไม่ มีบัตรประกันสังคมโรงพยาบาลอะไร ดูแล้วยังไหว ยังคุยรู้เรื่อง ไม่น่าเป็นอะไร อย่างไรก็ดีเมื่อมีแพทย์เดินทางมาถึงก็ยังซักไซ้ไล่เรียงอาการไม่ต่างจากผู้ช่วยพยาบาล ก็ยิ่งทำให้เพื่อนช่างภาพเริ่มร้อนใจและยิ่งฉุนเฉียว เพราะถามไถ่อาการไม่ต่างจากที่ถามไปก่อนหน้า บางคนถึงกลับตะโกนด่าต่อหน้าว่า “ต้องให้ตายไปก่อนหรือยังไง ถึงจะเอารถออก ไม่ใช่ผู้ทรงเกียรติ แต่ก็เป็นคน มีชีวิตเหมือนกัน คุณมีจรรยาบรรณหรือเปล่า” มีการเจรจาและต่อว่าต่อขานสักพัก ในที่สุดจึงมีการประสานให้นำเตียงพยาบาลมารับผู้ป่วย และรถพยาบาลจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าจึงนำนายสกลส่งไปยังโรงพยาบาลกลาง เนื่องจากผู้ป่วยมีบัตรประกันสังคมโรงพยาบาลดังกล่าวอยู่
มีรายงานว่า การปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำรัฐสภานั้น สื่อมวลชนและบุคลากรทางสภาฯ ที่ไม่ใช่ ส.ส.เกิดอาการเจ็บป่วย ไปขอยามารับประทาน แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่บางคน ตอบกลับมาทำนองว่า “ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลที่มีบัตรประกันสังคม” และบ่อยครั้งก็จ่ายยาในอาการเดียวกัน แต่ตัวยาต่างจากผู้ทรงเกียรติในสภาฯ
นางนุฎฎ์ษีห์ ชัยสุวรรณ์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานสื่อมวลชนสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เมื่อทราบเรื่องจึงได้รีบประสานไปยังประธานสภาฯ เพื่อหารือถึงเรื่องดังกล่าว โดยประธานสภาฯ ยืนยันว่า สภาฯ ไม่มีนโยบายที่ว่าไม่ให้รถพยาบาลออกไปจากรัฐสภา ซึ่งสามารถนำรถออกไปได้ และให้รถพยาบาลคันใหม่เข้ามาแทน และเนื่องจากกรณีนี้ต่อไปหากเกิดเหตุฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นใครในสภาฯ ก็สามารถใช้รถพยาบาลได้ทันที ทั้งนี้ ประธานสภาฯ เมื่อทราบเรื่องก็ตกใจและเป็นห่วงอย่างมาก พร้อมกับมอบหมายให้คณะทำงานนำกระเช้าไปเยี่ยมอาการทันที
นายฉลาด จันทร์เดช ช่างภาพหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ในฐานะประธานชมรมช่างภาพการเมือง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตลอดกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นก็เห็นว่าไม่มีความรวดเร็ว มัวแต่จะมาวินิจฉัย วิเคราะห์กันมันไม่ถูกต้องก็เห็นกันอยู่ว่าอาการนายสกลมีแต่ทรุดลง ทำไมถึงไม่นำส่งโรงพยาบาล ในฐานะเพื่อนร่วมงานจึงทนไม่ได้ แม้ไม่ใช่ผู้ทรงเกียรติ เป็นนักการเมือง ต่อไปอยากให้สภาฯ จัดทีมแพทย์ลักษณะเคลื่อนที่เร็ว ไม่ว่าใครเกิดเจ็บป่วยเบาหรือหนักจะได้นำผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วฉับไว จะมามัวแต่บริการ ส.ส.อย่างเดียวก็ไม่ได้ จะปล่อยให้คนที่รอนอนรอความตายอย่างนั้นหรือ ต้องให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน คนก็ต้องมองให้เป็นคนเหมือนกัน
นพ.สามารถ ตันอริยกุล ผอ.สำนักงานแพทย์ กทม. กล่าวถึงอาการเบื้องต้นนายสกลว่า จากการสแกนเบื้องต้นพบว่าผู้ป่วยมีเลือดออกบริเวณแกนสมอง แต่ยังอยู่ในส่วนที่ดียังไม่ถึงกับต้องผ่าตัด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องให้แพทย์ดูอาการและวิเคราะห์อาการอย่างใกล้ชิด
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องทบทวนวิธีคิดในการปฏิบัติงาน เพราะหน้าที่ของตัวเอง คือการช่วยชีวิตคน ในการนำคนป่วยไปถึงมือแพทย์โดยเร็วที่สุดนั่นคือการกู้ชีพ และไม่สมควรจะเลือกว่าบุคคลนั้นจะเป็นเศรษฐี หรือยากจน เป็น ส.ส.หรือช่างภาพ เพราะกรณีที่เกิดขึ้นมีคนเจ็บเพียงคนเดียว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยว่าจะต้องเลือกนำส่งใครก่อน การที่ปฏิเสธทำหน้าที่ช่วยเหลือถือว่าขาดมนุษยธรรม หรือขาดจรรยาของวิชาชีพ
มีรายงานเพิ่มเติมถึงอาการของนายสกลว่า ในช่วงที่เจ้าหน้าที่พยาบาลทำการวัดความดันอยู่นั้น พบว่านายสกลมีความดันโลหิตสูงถึง 190 มม.ปรอท เมื่อมาถึงโรงพยาบาลกลาง นายสกลได้เริ่มรู้สึกตัว โดยแพทย์ได้นำตัวเข้าทำการเอกซเรย์สมอง พบว่ามีเลือดไหลซึมที่ก้านสมอง ซึ่งแพทย์ให้รอดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลกลางอีก 3 วัน ถ้าสมองไม่บวมก็ไม่ต้องผ่า อาจต้องให้ยาสลายลิ่มเลือด แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ขณะนี้นายสกลได้พักรักษาตัวอยู่ที่ห้องคนไข้รวม ชั้น 9 โรงพยาบาลกลาง โดยมีเพื่อนช่างภาพและสื่อมวลชนสายการเมืองต่างสอบถามอาการนายสกลอย่างใกล้ชิด
เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. นายฉลาดให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนล ระบุว่า นายสกลรักษาตัวอยู่ที่หอผู้ป่วยหนักศัลยกรรม ชั้น 6 โรงพยาบาลกลาง พวกตนกำลังเฝ้าดูอาการ ซึ่งแพทย์ได้แจ้งให้ทราบว่าขอรอดูอาการ 72 ชั่วโมง แต่ได้แจ้งให้ทราบว่าให้ทำใจไว้ก่อน เพราะมีเลือดออกที่เส้นเลือดแกนสมอง ซึ่งอาการอาจเรียกว่าห้าสิบ-ห้าสิบ