“พงศพัศ” รอรับ “ปูนิ่ม” สนามบินอ้างรายงานยาเสพติด ปัดคุยเรื่องผู้ว่าฯ กทม. ลั่นพร้อมลุยหากนายกฯ จับเข่าคุย มั่นใจทำให้ กทม.พร้อมเข้าสู่ประชาคมเออีซีแน่นอน ด้าน “วิม” ไม่รู้มีชื่อเป็นว่าที่รองผู้ว่าฯ กทม. ขณะที่ “ยิ่งลักษณ์” ยังเตะถ่วงไม่ตอบส่ง “พงศพัศ” ชิงผู้ว่าฯ กทม.
วันที่ 22 ธ.ค. เมื่อเวลา 19.40 น. ที่ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางกลับจากการ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย สมัยพิเศษ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 20-21 ธ.ค. และการเยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 21-22 ธ.ค.โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และนายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขาธิการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาให้การต้อนรับ ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีพร้อมกับชี้ไปที่ พล.ต.อ.พงศพัศ ว่าเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เลขาฯ ป.ป.ส. จากนั้นก็ชิ่งออกไปทันที
ขณะที่ พล.ต.อ.พงศพัศให้สัมภาษณ์ว่า ตนมารายงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เรื่องเครือข่ายยาเสพติดในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนขอเรียนตรงไปตรงมาว่าไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องผู้ว่าฯ กทม.และการเมืองเลย ทั้งนี้ ตนรายงานนายกฯ ว่าช่วงปีใหม่นี้ว่ายาเสพติดจะเข้ามาทางภาคเหนือโดยจะขนมาทางรถสินค้ารถผู้โดยสาร โดนเฉพาะในช่วงเวลาที่ประชาชนไปเที่ยวทางภาคเหนือ เมื่อกลับลงมาก็จะมีการขนยาเสพติดลงมาด้วย จึงมีการเตรียมจัดสุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจบริเวณ บขส.สถานีรถไฟรวมถึงสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ ซึ่ง บขส.จะเป็นเจ้าภาพในการระดมทุกหน่วยงานทั้งหมด ในช่วงนี้ขอให้ประชาชนสอดส่องเป็นหูเป็นตาหากมีข้อมูลต่างๆ เราจะเข้าไปดูเลขยายผล ตนเชื่อว่าจำนวนยาเสพติดจะไม่มีมากเพราะเราจำกัดไม่ให้มีการขนเข้ามา ซึ่งเราได้มีการจัดตั้งโอเปอเรชันใหญ่ปฏิบัติการในพื้นที่ใน จ.เชียงราย แม่ฮ่องสอน ในช่วง 2 วันนี้เพื่อดูแลห้างร้านที่อาจจะเป็นจุดซ่อนยาเสพติด ซึ่งหากมีการขนมาเราจะจัดการอย่างเด็ดขาด เพราะไม่อยากให้ยาแพร่ไปยัง กทม.ที่เราทำโครงการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเพื่อไทยมีมติเสนอให้เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ท่านนายกฯ ไม่พูดเสียทีเจอหน้าตนทีไรก็พูดแต่เรื่องงาน ตนเรียนกับสื่อทุกครั้งว่าขอความกรุณาให้พรรคมีมติก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที ขอเรียนอีกครั้งว่าตนไม่ขอพบนายกฯ เพราะหลังจากที่ทำงานใน กทม.มานาน กทม.จำเป็นต้องพึ่งพิงรัฐบาลอย่างแน่นอนไม่มีทางเป็นอื่น ทุกกระทรวงทบวงกรมต้องร่วมกันพัฒนาคน กทม.พี้นที่ กทม.ซึ่งต้องเข้าหารือนายกฯ และหากพรรคเสนอตนจริง ตนก็คงไม่สังกัดพรรคเพื่อไทย เพียงเต่พรรคอาจจะสนับสนุนเพราะเห็นว่าทำงานได้ แต่ตนต้องเข้าหารือนายกฯ ว่าเราจะช่วยกันอย่างไรในเรื่องของรัฐบาล กทม.ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหากท่านนายกฯ รับปากรับคำ เรื่องต่างๆ เหล่านี้ ตนก็ทำงานมานานรู้ปัญหามาบ้าง ขอความช่วยเหลือนายกฯ ก็หลายเรื่องจนการทำงานก้าวหน้าไปพอสมควร ซึ่งยังมีเรื่องอื่นอีกเยอะ ขอให้มติพรรคออกมาก่อน
เมื่อถามต่อว่าถ้าลงสมัครจริงจะลงในนามพรรคหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ไม่มี เรื่องของการลงสมัครไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมืองก็ได้ เมื่อถามว่าได้มีการเตรียมเอกสารในการที่จะลาออกจากเลขาฯ ป.ป.ส.หรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคสนับสนุนให้ตนลง เเต่ถามว่าตนมีปัญหาที่จะให้พรรคดูเเลหรือไม่ ตนมีปัญหาจะเสนอให้พรรคเเก้ไขกทม.จำนวนมาก ซึ่งวันนี้มีโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจยังมีพื้นที่เสี่ยงอีกมากต้องดูแล เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคมีมติให้ลงสมัครพร้อมจะลงหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ทุกคนอยากที่จะลงสมัครช่วยทำงานรับใช้พี่น้องอยู่เล้ว เพียงแต่ตนอยากได้ยินจากปากของนายกฯ ก่อนว่าพร้อมที่จะลงมาทุ่มเททำงานให้กับพื้นที่ กทม.อย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้นเพราะทุกกระทรวงทบวงกรมเชื่อมโยงงานใน กทม.ทั้งหมด ถ้าช่วยกันคนละไม้ละมือจะทำให้มหานครเป็นมหานครที่มีความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเออีซีอย่างแน่นอน เมื่อถามต่อว่าที่ระบุมาใช่นโยบายหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน
ด้านนายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขาธิการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อว่าที่รองผู้ว่าฯ กทม.ในนามของพรรคเพื่อไทย ว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยในข่าวที่เกิดขึ้น ต้องแล้วแต่นายกรัฐมนตรี เพราะเราทำงานกับนายกรัฐมนตรี หากนายกรัฐมนตรีเห็นสมควรหรือเหมาะสมให้ไปทำงานที่ไหนก็ยินดีอยู่แล้ว และข่าวที่ออกไปน่าจะเป็นเรื่องของข่าวลือมากกว่า ผู้สื่อข่าวถามว่า หากข่าวลือเป็นจริงจะเป็นอย่างไร นายวิมกล่าวว่า ก็แล้วแต่นายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีดูแลเราอยู่แล้ว และได้กำหนดมอบหมายงานให้เราทำ เมื่อถามว่า หากหัวหน้าทีมเป็น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. จะทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายวิมกล่าวว่า เขาก็เหมาะสมอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่มติพรรค เพราะพรรคมีคนที่ทำงานใน กทม.ได้หลายคน ส่วนที่มีชื่อของตนในทีมรองผู้ว่าฯ กทม.นั้น ตนไม่รู้เรื่องเลยว่ามีชื่อได้อย่างไร เพราะตนทำงานให้นายกรัฐมนตรีอยู่ ถามต่อว่า จะสอบถามนายกรัฐมนตรีเรื่องนี้หรือไม่ นายวิมกล่าวว่า คงไม่ เพราะคงคิดว่าเป็นเรื่องของข่าวที่เกิดขึ้น และน่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดในข้อเท็จจริงมากกว่า เพราะตนยังทำงานในทีมนายกรัฐมนตรีอยู่