ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมร่างสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.นำราคาปานกลางที่ดินปี 21-24 มาใช้ประเมินภาษีบำรุงท้องที่ปี 56 เห็นชอบลดจำนวนอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ ไฟเขียว กฟภ.กู้เงินโอดีแบงก์กรุงเทพ 4.5 พันล้านเสริมสภาพคล่องค่าไฟฟรี-ส่วนราชการค้างชำระ 3.4 พันล้าน พร้อมกู้เงินในประเทศ 1.6 หมื่นล้านสร้าง 20 โครงการ พร้อมเห็นชอบ กำหนดสัดส่วนการถือหุ้น “คลัง-รัฐวิสาหกิจ” ร่วมโครงการเหมืองแร่โปแตชอาเซียน
วันนี้ (18 ธ.ค.) นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ เรื่ององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย แก้ไขเพิ่มเติมร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ แปลง B17, C-19 และ B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ดังนี้ การแก้ไขเพิ่มเติมร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และ B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ระหว่างองค์กรร่วมไทย-มาเลเซียและบริษัทผู้ประกอบการ คือ บริษัท PC JDA Limited และบริษัท PTTEP International Limited ในฐานะกลุ่มผู้ขายก๊าซ กับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัทเปโตรนาส ในฐานะกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ
ให้องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียลงนามในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติดังกล่าวกับกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ เมื่อร่างสัญญาฯ ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว และการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2552 เรื่องการทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชนและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่กำหนดให้การทำสัญญาไม่ควรระบุในสัญญาให้มอบข้อพิพาทให้คณะอนุญโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาด เนื่องจากร่างสัญญาฉบับนี้จำเป็นที่จะต้องกำหนดวิธีการระงับข้อพิพาทโดยให้คณะอนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาด เพื่อให้สอดคล้องกับร่างสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และแปลง B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2548
ขณะเดียวกัน ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2556 พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
อีกด้านหนึ่ง ที่ประชุม ครม.มีมติรับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ตามที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอ ภายใต้ชื่อโครงการ “ก้าวสู่ปีใหม่อย่างปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2555 ถึง 2 มกราคม 2556 เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ ให้ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เทียบกับเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา โดยจะใช้มาตราการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 6 ประการ เช่น การประชาสัมพันธ์ การบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ โดยจะเน้นการควบคุมการใช้ความเร็ว การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่ยานพาหนะ การรณรงค์ส่งเสริทการสวมหมวกนิรภัย และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุกับรถกระบะบรรทุกผู้โดยสาร
ด้านนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กู้เงินระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D) จากธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีเงื่อนไขเหมาะสมที่สุดเพื่อสำรองไว้เป็นเงินหมุนเวียนในการเสริมสภาพคล่องในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เป็นระยะเวลา 1 ปี (มกราคม-ธันวาคม 2556) ในวงเงิน 4,500 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่อง จากการรับภาระสำรองจ่ายค่าไฟฟ้าตามมาตรการไฟฟ้าฟรี และการค้างชำระค่าไฟฟ้าของส่วนราชการ ซึ่งมีจำนวนสะสมกว่า 3.4 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้ กฟภ.กู้เงินในประเทศกรอบวงเงิน 16,869 ล้านบาทเศษ เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการต่างๆ ประมาณ 20 โครงการที่มีความต้องการกู้เงินในประเทศระหว่างปีงบประมาณ 2556 อาทิ โครงการไฟฟ้าในเกาะสมุย
นอกจากนี้ มติ ครม.ยังเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง รับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศต่อไป ในการคัดเลือกหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เหมาะสม และพิจารณากำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจที่จะเข้าร่วมโครงการทำเหมืองแร่โปแตชอาเซียน และรายงานผลการคัดเลือกให้ที่ประชุม ครม.รับทราบต่อไป กระทรวงพลังงานได้เสนอให้บริษัทเหมืองแร่โปแตชควรจะผลิตเกลือด้วย และนำเกลือไปใช้ประโยชน์เพื่อลดผลกระทบสภาพแวดล้อมหากนำเกลือที่ไม่ได้ใช้ไปทิ้ง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2533 อนุมัติเห็นชอบโครงการทำเหมืองแร่โปแตชของอาเซียนที่ อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ โดยรัฐบาลลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 20 ของยอดเงินลงทุน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้ประกาศพื้นที่บางส่วนใน อ.บำเหน็จณรงค์ และ อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ และ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เป็นพื้นที่อนุญาตให้ยื่นคำขอสัมปทานตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 54 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำรายการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะได้รับความเห็นชอบอนุมัติภายในปี 2556