“ชวนนท์” ชี้ “แม้ว” ส่ง “ปู” เจรจาผลประโยชน์ “ชินวัตร” ในพม่า จับตาผลาญภาษี ปชช.

โฆษก ปชป.ตั้งข้อสังเกตนายกฯ เร่งบินพม่าไม่เป็นทางการ เหตุ “พี่แม้ว” เพิ่งเยือน คาดส่งน้องสาวถกลงทุนทวายของตระกูลตัวเอง ชี้อาจใช้ภาษี ปชช.เอื้อธุรกิจพวกพ้อง หวั่นสวมรอยหลัง รบ.บอกเองไม่จุ้นงบจาก ปชช. กลัวซ้ำรอยเอ็กซิมแบงก์ หลังตั้ง คกก.อุ้มบริษัทร่วมโครงการ คาดเสร็จตระกูลชินวัตรตามระเบียบ

วันนี้ (17 ธ.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนประเทศพม่า เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้องว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการไปต่อยอดจากสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกฯ เคยเดินทางเยือนพม่าก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเยือนพม่าก็มีกระแสข่าวออกมาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทเอกชนไทยที่เข้าไปลงทุนเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ในท่าเรือทวาย อีกทั้งสิ่งที่น่าแปลกใจคือ การที่นายกฯ เดินทางเยือนต่างประเทศแบบไม่เป็นทางการ ทั้งที่ปกติการเดินทางเยือนต่างประเทศของผู้นำประเทศต้องไปแบบเป็นทางการ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณเห็นว่าโครงการดังกล่าวมีความสำคัญจึงต้องให้น้องสาวไปติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการด้วยตัวเอง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตระกูลชินวัตร

“ขอให้ประชาชนจับตาพฤติกรรมรัฐบาล หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์มีการเจรจากับประธานาธิบดีเต็ง เส่ง แล้วจะมีการใช้เงินภาษีของประชาชนไปทำอะไรที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องหรือไม่ เพราะความเป็นจริงในอดีตปัญหาของโครงการดังกล่าวคือ บริษัทเอกชนที่สนิทสนมกับรัฐบาล ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนเพื่อมาพัฒนาโครงการดังกล่าวได้ ตนจึงเกรงว่าจะมีการใช้โครงการนี้สวมรอยเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนในเครือข่ายของรัฐบาลหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยบอกว่าจะไม่มีการใช้ภาษีของประชาชนไปใช้ในโครงการนี้เด็ดขาด เช่นนั้นแล้วตนจึงอยากตั้งคำถามว่าประชาชนและประเทศชาติจะได้อะไรจากกรณีนี้” นายชวนนท์กล่าว

นายชวนนท์กล่าวว่า นอกจากนั้นการที่ขณะนี้รัฐบาลมีการตั้งคณะกรรมการ 4 คณะ ขึ้นมาเพื่ออุ้มบริษัทเอกชนที่กำลังประสบปัญหาเรื่องเงินทุนในการเข้าไปทำโครงการดังกล่าว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงแล้ว ผลประโยชน์ก็จะตกไปยังบริษัทเอกชน ไม่ใช่ประชาชน และประเทศชาติอย่างที่ควรจะเป็น โดยจะซ้ำรอยกรณีธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับรัฐบาลพม่าจำนวน 4,000 ล้านบาท แล้วให้คนในตระกูลชินวัตรไปรับสัมปทานต่อหรือไม่