หัวหน้าพรรค ชทพ.หนุนโหวตแก้ รธน.วาระ 3 ให้จบ ไม่ควรทิ้งค้างไว้ ผ่าน-ไม่ผ่านแล้วแต่ที่ประชุมรัฐสภา ระบุไม่มีเหตุผลที่จะมีการชุมนุมคัดค้าน ส่วนปัญหาไฟดับเกาะสมุย-พะงันเรียบร้อยแล้ว ยันไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว แค่รายได้ผู้ประกอบการลด ความเสียหายไม่ถึง 2 หมื่นล้าน โวยอดนักท่องเที่ยวปี 55 ทะลุเป้า 21 ล้านคนแล้ว
นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ว่า สำหรับเรื่องรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นปัญหาว่าจะแก้หรือไม่แก้ เพราะได้มีการแก้ไขในวาระ 1 และ 2 แล้ว และตามรัฐธรรมนูญก็บังคับให้ลงมติวาระ 3 ภายใน 15 วันหลังจากผ่านวาระ 2 มา ซึ่งก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็น่าจะต้องลงมติในวาระ 3 ส่วนจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบก็ต้องว่ากันไป เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลอย่านำมาโยง วุฒิสภาเองก็มีส่วนร่วมอยู่ด้วย เป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ให้ต้องลงมติในวาระ 3 ไม่เกี่ยวว่าทำได้หรือไม่ได้ ประธานรัฐสภาก็ต้องรีบ
“ส่วนท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนาจะโหวตอย่างไรในวาระ 3 นั้น ก็คงต้องรอมติจากพรรคก่อน แต่ส่วนตัวคิดว่าต้องทำตามรัฐธรรมนูญ ประธานรัฐสภาต้องนัดประชุมโหวตวาระ 3 ให้จบ ไม่ใช่ทิ้งค้างเติ่งนั้นไม่ถูก ส่วนจะบรรจุเมื่อไหร่ก็ต้องแล้วแต่ประธานรัฐสภาจะกำหนด”
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า ไม่น่ามี เพราะรัฐธรรมนูญได้มีการแก้ไข และผ่านกระบวนการสภามาแล้ว ทั้งนี้ หากโหวตวาระ 3 ผ่านก็คงจะมีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมา และ ส.ส.ร.ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร เพราะหากทำอะไรออกมาไม่เหมาะสม หรือไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน หรือไม่เป็นประชาธิปไตย สังคมและประชาชาชนก็สามารถควบคุม ส.ส.ร.ได้ ดังนั้น อย่านำข้อกังวลทางการเมืองมามากเกินไปที่บอกจะมีม็อบออกมาก็ไม่มีเหตุผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำความเข้าใจกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยอย่างไร รองนายกรัรฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ต้อง เพราะเรื่องนี้ไม่เห็นด้วยได้อย่างไร เนื่องจากวาระ 3 เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคนคนเดียว นายชุมพลกล่าวว่า หากจะย้อนจริงๆ รัฐธรรมนูญปี 2550 ก็ต้องการจัดการคนคนเดียวไม่ใช่หรือ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมา ส่วนรูปร่าง และสาระจะเป็นอย่างไรเราก็ยังไม่รู้ จะไปเอาเรื่องนี้มาเป็นเหตุอ้างนั้นไม่ถูก
นายชุมพล ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ไฟฟ้าดับที่เกาะสมุย และพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัย โดยทางกระทรวงมหาดไทยก็ได้ดูแลอย่างเต็มที่แล้ว และขณะนี้ไฟฟ้าก็สามารถใช้ได้เป็นปกติแล้ว จากการประเมินความเสียหายคาดว่าไม่น่าจะถึง 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผลกระทบเรื่องนักท่องเที่ยวนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาเท่าใดนักเนื่องจากเกิดความขัดข้องเพียง 3 วัน เพียงแต่รายได้จากภาคธุรกิจหายไปพอสมควร อย่างไรก็ตาม สำหรับการวางระบบไฟใหม่นั้น ทางกระทรวงมหาดไทยได้เข้าไปดูแลแล้ว
นายชุมพลกล่าวว่า สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวในประเทศไทยตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. อยู่ที่ 19,761,794 คน และเชื่อว่าในปลายเดือน ธ.ค.นี้ ตัวเลขจะอยู่ที่ 21.5 ล้านคน ซึ่งเกินเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ประมาณ 20 ล้านคน ทำให้มีรายได้ถึง 800,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้จ่ายในประเทศไทยมากขึ้น
