xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ชี้ “แม้ว” ลั่นกลับปีนี้ เหตุ รบ.ลุยวาระ 3 ซัดจำนำข้าวเจ๊งยังดื้อ-ขึ้นเอ็นจีวีซ้ำเติม ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์. เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
หน.ปชป.เชื่อมีทางออกอื่นนอกจากแก้ รธน.วาระ 3 เพื่อนายใหญ่ ย้อนต้นเหตุ “นช.แม้ว” อยากกลับปีนี้ ดัก รบ.อย่าปัดความรับผิดชอบ เชื่อสั่นคลอน หวั่นสงคราม ปชช. ซัดบ้านสงบสุขยังจะสร้างปัญหา ไล่ไปแก้นโยบายเหลว อัด “บุญทรง” ขายข้าวจะได้เงิน แต่ต้องรับผิดชอบจำนำข้าวขาดทุนยับ ประเทศเสียหาย ข้องใจยังดื้อลุย ชี้ขึ้นราคาแก๊สเอ็นจีวี กระทบ ปชช. ค่าครองชีพพุ่ง แถมมีบัตรเครดิตเอื้อโกง จวกทัศนคติ รบ.แย่ เผยตกอันดับดูแลคอร์รัปชัน-ติดที่ 8 ก่อการร้ายเหิม ทำไทยเสียชื่อ เหตุ รบ.แก้ไม่ถูกจุด

วันนี้ (6 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมผลักดันให้มีการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 รวมถึงกฎหมายนิรโทษกรรมว่า รัฐบาลทราบดีอยู่แล้วว่า เรื่องนี้เป็นปมความขัดแย้ง จึงไม่เห็นเหตุผลหรือความจำเป็นที่จะต้องทำ นอกจากความพยายามช่วยเหลือคนบางกลุ่ม และยืนยันว่านายกฯ จะบอกว่าเป็นเรื่องของรัฐสภาไม่ได้ แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลด้วย เพราะแม้ว่ารัฐสภาจะเป็นผู้ลงมติ แต่ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารก็ต้องคำนึงถึงการบริหารราชการแผ่นดินและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อบ้านเมืองที่ต้องความรับผิดชอบด้วย โดยหาแนวทางให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ ซึ่งตนยังเชื่อว่ามี ถ้าการเดินหน้าไปสู่ความปรองดองไปสู่ความสุจริต ไม่มีวัตถุประสงค์แอบแฝงช่วยเหลือคนทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งสาเหตุที่เป็นตัวเร่งทำให้รัฐบาลต้องผลักดันทั้ง 2 เรื่องนี้ให้ได้ในสิ้นปีนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณพูดมาโดยตลอดว่าจะกลับมาภายในสิ้นปีนี้ ฉะนั้น ทุกอย่างจึงกลับไปสู่จุดเดิมคือ แทนที่รัฐบาลจะเอาใจใส่กับปัญหาบ้านเมือง กลับไปตอบสนองความต้องการของคนคนเดียว

เมื่อถามว่า คิดว่ารัฐบาลบริหารเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองหรือเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าทำแบบนี้จะรักษาอำนาจของตัวเองได้ด้วยซ้ำเพราะกลายเป็นความพยายามที่จะตอบสนองความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อให้หลุดพ้นจากทุกคดี และยังเป็นห่วงการปลุกระดมมวลชนขึ้นมาจนอาจทำให้ประเทศชาติหลีกเลี่ยงสงครามมวลชนไม่พ้น จึงต้องถามรัฐบาลว่า ประเทศไทยเพิ่งผ่านบรรยากาศที่คนไทยมีความสุข สามัคคี เหตุใดจึงเริ่มประเด็นความขัดแย้งรอบใหม่ ทั้งที่ควรแก้ปัญหาให้ชาติมากกว่า ทั้งที่มีหลายเรื่องที่เกิดจากนโยบายของรัฐบาลเช่น นโยบายจำนำข้าวจะเดินหน้าต่ออย่างไร เมื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไม่มีเงินที่จะทำโครงการต่อ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็ขายข้าวไม่ได้ ปัญหาภาคใต้ก็ยังมีความรุนแรงอยู่และประเทศไทยก็ยังตกอันดับเรื่องความโปร่งใสการทุจริต คอร์รัปชัน และติดอยู่ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากการก่อการร้าย

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อถึงกรณีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า หากไม่มีเงินก็อาจไม่ทำโครงการจำนำข้าวต่อว่า เป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่มีเงินก็ทำโครงการไม่ได้อยู่แล้ว และถ้าจะให้มีเงินก็ต้องขายข้าวให้ได้ ซึ่งหากรัฐบาลยอมรับความจริงก็ดีกว่าที่พยายามที่จะก่อหนี้ให้ประเทศไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องรับผิดชอบต่อเงินกว่าแสนล้านบาทในโครงการนี้ที่เงินไม่ถึงมือชาวนา และยังมีความเสียหายที่เกิดขึ้น คือการเสียแชมป์ส่งออกข้าว ภาพลักษณ์คุณภาพข้าวไทย สิ่งเหล่านี้ต้องมาแก้ปัญหาใหม่ และการก่อหนี้เพิ่มยังกระทบเครดิตของประเทศในการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจอื่นๆด้วย ดังนั้นจึงต้องย้อนกลับมาดูว่าที่รัฐบาลเคยอ้างว่านโยบายจำนำข้าวไม่เป็นภาระนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะได้รับผลกระทบแล้วในสถานะการเงินภาพรวมที่กระทรวงคลังเอง ก็ยอมรับว่า หากทำโครงการนี้ต่อจะขาดทุน 2.24 แสนล้านต่อปี จึงต้องถามว่าจะทำไปเพื่ออะไร เพราะเงินถึงมือชาวนาแค่แสนล้านเท่านั้นและที่รัฐบาลหาเสียงว่าจะล้างหนี้ สร้างรายได้ให้ประเทศ สร้างสุขสลายทุกข์ในช่วงหาเสียง เท่ากับไม่มีอะไรเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่รัฐบาลเคยประกาศไว้เลย

ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน ระบุจะขึ้นค่าแก๊สเอ็นจีวีในเดือน ก.พ.ปีหน้าว่า ขณะนี้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพสูงอยู่แล้ว หากทำเรื่องนี้จริง ต้องถือว่ารัฐบาลเป็นผู้ซ้ำเติมประชาชนและประเทศ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง อยากให้รัฐบาลตั้งหลักใหม่ และที่ รมว.พลังงานระบุว่าการขึ้นค่าแก็สเอ็นจีวีไม่กระทบต่อประชาชนเพราะจะมีการสนับสนุนโดยให้บัตรเครดิตพลังงาน ก็เท่ากับว่ากลับไปสู่รูปแบบนโยบายที่เอื้อต่อการทุจริต เพราะจะมีปัญหามาก ในเรื่องหลักเกณฑ์ที่จะจ่ายบัตรเครติด ไม่ว่าคูปองหรือส่วนอื่นๆ ในปีหน้าค่าครองชีพจะสูงขึ้นจากปัญหาราคาแก็ส และแนวโน้มเรื่องอาหารจะได้รับผลกระทบด้วย วันนี้เห็นชัดเจนแล้วว่าทุกอย่างไม่ได้ดีขึ้น แต่เลวร้ายลง ซึ่งเกิดจากนโยบายและทัศนคติของรัฐบาลเกี่ยวกับการป้องกันปัญหาและการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งที่ทุกภาคส่วนในสังคมพยายามช่วยรัฐบาลในการเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา แต่รัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและยังเดินหน้านโยบายที่เอื้อต่อการทุจริตต่ออีก

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า การที่ประเทศไทยติดอันดับ 8 ของโลกที่ได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายมากที่สุดก็ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รวมถึงกรณีการตกชั้นในเรื่องการดูแลปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันด้วย ซึ่งจะทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศ ดังนั้นรัฐบาลต้องไปดูที่สาเหตุเพื่อแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด

ส่วนกรณีที่โอไอซีก็แสดงความกังวล เกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่ทวีความรุนแรงขึ้น จะทำให้ต่างชาติยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการแก้ไขปัญหาในภาคใต้หรือไม่นั้น ก็อยู่ที่รัฐบาลต้องแสดงความพร้อมในการแก้ไขปัญหา แต่ยังไม่เห็นสัญญาณที่จะรับผิดชอบในระดับนโยบายที่จะไปดูแลปัญหาอย่างใกล้ชิด เช่น ปัญหายิงครูและการปิดโรงเรียนใน 3 จังหวัดภาคใต้ก็ยังเกิดเหตุซ้ำอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น