สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ออกคำแถลงในเฟซบุ๊ก เผยแอร์โฮสเทสที่โพสต์เฟซบุ๊กถึง “อุ๊งอิ๊ง” บุตรสาวทักษิณไม่ได้อยู่ในฐานะของพนักงานอีกต่อไป อ้างเผยแพร่ข้อมูลผู้โดยสาร พร้อมพยายามติดต่อเจ้าตัวในฐานะผู้โดยสารเพื่อแสดงความเสียใจ
วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 18.50 น. สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ได้ออกคำแถลงจากกสายการบินผ่านเฟซบุ๊ก Cathay Pacific Thailand ระบุว่า “สายการบิน คาเธ่ย์ แปซิฟิค ขอแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการโพสต์ข้อความที่มีความละเอียดอ่อนในโซเชียลมีเดียที่มีการกล่าวถึงการโพสต์ข้อความจากหนึ่งในพนักงานต้อนรับของคาเธ่ย์ แปซิฟิค ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้โดยสารที่เดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อเร็วนี้ๆ
คาเธ่ย์ แปซิฟิค ได้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด โดยขอยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับหนึ่งในพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของเราซึ่งได้โพสต์ข้อมูลของผู้โดยสารท่านหนึ่งบนโซเชี่ยลมีเดีย โดยเป็นเหตุการณ์ที่พนักงานท่านนั้นกระทำไปโดยมิได้รับความยินยอม ทั้งนี้ คาเธ่ย์ แปซิฟิคขอเรียนให้ทราบว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินท่านนั้นไม่ได้อยู่ในฐานะของพนักงานของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค อีกต่อไป
คาเธ่ย์ แปซิฟิค ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางสายการบินขอยืนยันต่อผู้โดยสารทุกท่านว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้โดยสารและการถือปฏิบัติตามกฎข้อบังคับเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นสิ่งที่สายการบินให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง พนักงานของเราจะปฏิบัติตามนโยบายข้างต้นอย่างเคร่งครัดพร้อมทั้งการให้บริการลูกค้าด้วยมาตรฐานสูงสุด การกระทำที่นอกเหนือไปจากนโยบายนี้จะไม่เป็นที่ยอมรับ โดยในวันนี้ คาเธ่ย์ แปซิฟิค ได้เน้นย้ำนโยบายข้อนี้กับพนักงานในทุกภาคส่วนของเราอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ คาเธ่ย์ แปซิฟิค ยังคงพยายามติดต่อผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องเพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คาเธ่ย์ แปซิฟิค รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการเที่ยวบินสู่ประเทศไทยและสายการบินยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการผู้โดยสารของเรา”
สำหรับการออกคำแถลงของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังก่อนหน้านี้พนักงานต้อนรับ หรือแอร์โฮสเทสรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Honey Lochanachai” ระบายความในใจถึงการทำหน้าที่เมื่อเธอได้เห็นรายชื่อผู้โดยสารรายหนึ่ง คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีอาญาแผ่นดิน แล้วไม่พอใจ ซึ่งได้พยายามขอร้องกับหัวหน้าว่าไม่ขอปฏิบัติงานในเที่ยวบินนี้ แต่ได้รับการไกล่เกลี่ยให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในจุดอื่น
นอกจากนี้ ด้วยความรู้สึกโกรธแค้นหลังการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามต้องยุติลง เพราะเจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรง เธอจึงคิดจะหาอะไรราดหัว หรือคิดจะพูดจาถากถาง แต่ก็ตั้งสติได้ไม่ใช้อารมณ์ ไม่เข้าไปตอแยด้วย และบอกตัวเองว่าเราจะต้องต่อสู้กับคนเลวในบ้านเมืองอย่างมีสติ ด้วยปัญญา และความถูกต้องชอบธรรม พร้อมทั้งระบุตอนท้ายว่า “แพทองธาร วันนี้ไม่โดนฉันเอากาแฟสาดหน้า แต่มันไม่รู้ว่าฉันจะต่อสู้ ทำให้พวกมันไม่ได้อยู่เป็นเสนียดบนแผ่นดินไทยอีกต่อไป”