โฆษกเพื่อไทยโวยกลุ่มกรีนเลือกปฏิบัติ หลังยื่นร้องผู้ตรวจการแผ่นดินสอบรัฐบาลใช้อำนาจเกินขอบเขตกฎหมายในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ระบุสมัยรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ใช้ฟุ่มเฟือยทำไมไม่ยื่นสอบบ้าง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มกรีนยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อเอาผิดรัฐบาลกรณีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในฯ ว่าเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมายหรือไม่ว่า เป็นแค่เกมการเมืองที่พยายามลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล รวมทั้งต้องการให้ประชาชนมองว่าการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นั้นเกินความจำเป็น ทั้งนี้ อยากตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มกรีนนั้นแกนนำก็เคยเป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาก่อน ดังนั้นย่อมรู้อยู่แล้วว่าเป็นฝ่ายไหน ทั้งนี้ อยากให้กลุ่มกรีนมองข้อเท็จจริงด้วยใจที่เป็นธรรมด้วยว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นั้น เพราะหน่วยงานหลักที่ดูแลด้านความมั่นคงคือ กอ.รมน., สมช. และสตช.นั้น ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีว่า การชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามนั้นไม่ใช่การชุมนุมปกติ เพราะมีเป้าหมายที่จะล้มรัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องรับฟัง แต่ไม่ใช่ว่ารัฐบาลเป็นคนเริ่ม
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นั้นไม่ได้จำกัดสิทธิของผู้ชุมนุม เพียงแต่ประโยชน์คือ สามารถรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งระบบรัฐสภาในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยไม่ให้ผู้ชุมนุมไปปิดล้อมได้ ดังนั้นเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ และเมื่อยุติการชุมนุมไปแล้วก็เชื่อว่ารัฐบาลคงจะไม่คง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เอาไว้อย่างแน่นอน โดยตั้งข้อสังเกตว่าในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เคยประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ซึ่งกลุ่มกรีนไม่เคยออกมาเรียกร้องอะไรเลย แต่กลับออกมาตรวจสอบเฉพาะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่
นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโจมตีรัฐบาลว่าใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เกินกว่าเหตุ เพราะผู้ชุมนุมยังไม่ได้ชุมนุมเกินของเขตของรัฐธรรมนูญด้วยว่า อยากให้นายถาวรย้อนกลับไปดูสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลด้วยว่า มีการประกาศใช้อย่างฟุ่มเฟือยถึง 18 ครั้ง และยังครอบคลุมทั่ว กทม.ไม่ใช่แค่ 3 เขตเหมือนกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นั้นเป็นแค่เครื่องมือของเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย รวมทั้งรักษาประโยชน์ให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ภายใต้บรรยากาศที่ประเทศไทยกำลังถูกจับตามองจากนานาชาติว่าเป็นประเทศที่น่ามาลงทุนและมาท่องเที่ยว ดังนั้น อยากให้ฝ่ายค้านไปเตรียมข้อมูลที่จะใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลดีกว่า
allowTransparency="true">