สมาคมนักข่าวฯ เปิดสำนักงานเป็น “เพรสเซ็นเตอร์” ช่วงการชุมนุมกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม พร้อมแนะแนวทางปฏิบัติแก่นักข่าว-ช่างภาพเพื่อความปลอดภัย ทั้งหลีกเลี่ยงเสนอข่าวยั่วยุ ระวังตกเป็นเครื่องมือ แต่งกายเหมาะสม-เป็นมิตร และแสดงตนให้ชัดเจนเพื่อความสะดวกในการทำงาน
วันนี้ (21 พ.ย.) นายเสด็จ บุนนาค อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่ม “องค์การพิทักษ์สยาม” ในวันที่ 24 พ.ย. แม้ไม่อาจคาดหมายว่าจะมีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อประชาชน แต่อนุกรรมการฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ (กสส.) สมาคมนักข่าวฯ ได้ประชุมหารือกันแล้วเห็นว่า สื่อมวลชนมีหน้าที่เสนอข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านเพื่อให้ประชาชนรับข่าวสารอย่างครบถ้วน ด้วยความห่วงใยจึงจัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่สื่อมวลชนในการรายงานข่าว จึงเปิดให้อาคารสมาคมนักข่าวฯ ถนนสามเสน (ตรงข้ามโรงพยาบาลวชิระ) เป็นศูนย์ประสานงานสื่อระหว่างการชุมนุม (Press center) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. จนกว่าการชุมนุมจะยุติ โดยได้จัดห้องทำงาน อาหารว่าง เครื่องดื่มและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวก
นอกจากนี้ สมาคมนักข่าวฯ ได้ตระหนักว่า ความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่หากสื่อมวลชนได้รับอันตรายจะส่งผลกระทบต่อการรับข้อมูลข่าวสารของประชาชน ดังนั้น ขอให้นักข่าว ช่างภาพ และผู้ปฏิบัติการสื่อภาคสนามคำนึงถึงความปลอดภัย โดยให้ยึดตามหลักปฏิบัติการรายงานข่าวในสถานการณ์ความรุนแรง คือ 1. หลีกเลี่ยงการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีลักษณะยั่วยุให้เกิดความรุนแรง 2. พึงระมัดระวังการตกเป็นเครื่องมือในการรายงานข่าวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อันจะนำไปสู่ความเข้าใจผิดของประชาชน 3. ระมัดระวังไม่ทำให้เกิดการยั่วยุ เช่น ควรแต่งกายให้เหมาะสม สำรวมในการสื่อสาร ไม่แสดงความก้าวร้าว และแสดงท่าทีที่เป็นมิตร 4. แสดงตัวให้ชัดเจนเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน และนอกจากนี้ควรศึกษากลุ่มผู้ชุมนุมและสภาพพื้นที่ให้มากที่สุดเพื่อความปลอดภัยด้วย อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเข้าใจการทำหน้าที่ของผู้สื่อข่าวที่มุ่งนำเสนอข่าวสารข้อเท็จจริงด้วย
นายเสด็จกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังมีการหยิบยกกรณีการกระทบกระทั่งระหว่างผู้สื่อข่าวกับนักการเมือง ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นให้เฝ้าระวังสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และขอให้เคารพและเข้าใจการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายด้วย