“พ.อ.ศรีศักดิ์” สนองนโยบาย รบ.จัด กกล.บูรพา ป้องชายแดนปราบเครือข่ายสวมสิทธิ์จำนำข้าว แต่อนุญาตตามคำขอจังหวัด ใช้แรงงานเขมรช่วยเกษตรกร พร้อมกำหนดมาตรการคุม ลั่นทำผิดยกเลิกทันที เผย แนวทาง ผบ.ทบ.-แม่ทัพภาค 1 หนุนช่วย ปชช.รักษาผลประโยชน์ประเทศ
วันนี้ (9 พ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (รอง ผบ.พล.ร.2รอ.)ในฐานะรองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา แถลงว่า ตามที่รัฐบาลได้เริ่มดำเนินการเปิดโครงการรับจำนำข้าว ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555-15 ก.ย.2556 นั้น ในส่วนของ จ.สระแก้ว ได้เริ่มเปิดรับจำนำข้าว ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งกองกำลังบูรพาในฐานะกำลังป้องกันชายแดน ที่มีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา ร่วมมือกับ จ.สระแก้ว และส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว การค้าภายในจังหวัดสระแก้ว ในการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลตามโครงการดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย จ.สระแก้ว ได้แต่งตั้งให้ ผบ.กกล.บูรพา เป็นคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลในการรับจำนำข้าวของจังหวัด และในการตรวจสอบปริมาณข้าวในโกดังของจุดรับจำนำข้าว ซึ่งมีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบร่วมกันทุกครั้ง
พ.อ.ศรีศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการของหน่วยในการป้องกันการลักลอบการนำข้าวเลือกจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น ทาง กกล.บูรพา ได้จัดทำข้อมูลของลานรับซื้อข้าว โรงสีข้าว พื้นที่ ช่องทาง เส้นทางที่เสี่ยง และล่อแหลมต่อการลักลอบนำข้าวมาสวมสิทธิ์ในโรงสีข้าวและจัดรับซื้อข้าวเปลือกทั้งหมด นำมาวางแผนสกัดกั้นตามพื้นที่และเส้นทางต่างๆ อย่างเข้มงวด ควบคู่กับการดำเนินงานด้านการข่าว โดยการบูรณาการทุกหน่วยในกองกำลังบูรพา รวมถึงแหล่งข่าวจากส่วนราชการในพื้นที่อย่างเต็มรูปแบบ และเชื่อมเครือข่าย แหล่งข่าวภาคประชาชน เพื่อนำมาสู่การชี้เป้าหมายในการลักลอบนำข้ามาสวมสิทธิ์ รวมทั้งทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบว่าการสวมสิทธิ์มีความผิดทางกฎหมายด้วย
รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา แถลงต่อว่า ตามที่ จ.สระแก้ว ได้ขอความร่วมมือ กกล.บูรพาในการอนุโลมให้มีการใช้แรงงานชาวกัมพูชาในภาคการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยเสนอให้เปิดช่องทางอนุโลมในการนำแรงงานชาวกัมพูชาเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานนั้น ทาง กกล.บูรพา พิจารณาเห็นว่าแรงงานดังกล่าวไม่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง และยังเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร รวมทั้งเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจภาคการเกษตรให้เดินหน้าต่อไปได้ ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนตามแนวชายแดนโดยรวม จึงได้พิจารณาร่วมกับ จ.สระแก้ว และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการควบคุมการเข้าออกช่องทางอนุโลมให้มีความรัดกุม ได้แก่ 1.เปิดช่องทางอนุโลมจำนวน 15 ช่องทาง เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมได้อย่างรัดกุม แบ่งเป็น อ.ตาพระยา 4 ช่องทาง อ.โคกสูง 2 ช่องทาง อ.อรัญประเทศ 8 ช่องทาง และอ.คลองหาด 1 ช่องทาง 2.กำหนดช่วงเวลาการในการผ่านเข้า-ออก ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00-09.00 น.และช่วงเย็นตั้งแต่ 15.00-18.00 น.
พ.อ.ศรีศักดิ์ กล่าวต่อว่า 3.มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้แทนองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตรวจคนเข้าเมืองและแรงงานจังหวัดปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจป้องกันชายแดนในช่องทางอนุโลม 4.หากผู้ประกอบการรายใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดจะถูกตัดสิทธิ์ในการขออนุญาต และ 5.หากช่องทางใดไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนดจะพิจารณาปิดช่องทางอนุโลมทันที โดยเริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.2555 เป็นต้นมา สำหรับการดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบแนวทางนโยบายของ ผบ.ทบ.และแม่ทัพภาคที่ 1 ที่มุ่งมั่นแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และพร้อมที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนตามแนวชายแดนมีคุณภาพชีวิตที่ดีบนพื้นฐานการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ