พท.ปัดเลือก หน.ใหม่มีใบสั่ง ยันไร้แรงกระเพื่อมปรับ ครม. คาดได้ตัวชิงศึกผู้ว่าฯ กทม.ต้น พ.ย.

รักษาการโฆษกเพื่อไทยปัดเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคหลังปรับครม. ชี้คนผิดหวังยังมีงานอื่นที่ช่วยได้ ยันไม่ได้หนีซักฟอก จวกอภิปราย 2 วันสุดท้ายก่อนปิดสภามีนัย เผยเลือกหัวหน้าใหม่ไร้ใบสั่ง “แม้ว-ปู” โถ...อ้างรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งเบรกม็อบ เสธ.อ้ายกลัวเสียภาพลักษณ์ประเทศ คาดได้ตัวผู้สมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.ต้นเดือนหน้า สั่ง ส.ส.ลงพื้นที่รวมข้อมูลภัยแล้ง

วันนี้ (28 ต.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีการออกมาให้ข่าวต่างๆ ทำให้พรรคเพื่อไทยมีความขัดแย้งหรือแรงกระเพื่อมว่าตนขอปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะการปรับ ครม.นั้นพรรคเพื่อไทยไม่มีผลกระทบอยู่แล้ว และการปรับครั้งนี้เชื่อว่ามีคนสมหวัง ผิดหวังถือเป็นเรื่องปกติ พรรคมีงานเยอะที่ต้องทำอีกมาก และเชื่อว่ารัฐบาลยังอยู่อีกยาว การปรับ ครม.ในอนาคตย่อมเกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม การปรับ ครม.ครั้งนี้เป็นการแสดงวุฒิภาวะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการบริหารประเทศ ไม่ได้เป็นไปตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหา ถือเป็นการปรับเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานของรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหา และกำหนดทิศทางของประเทศ

“คนที่ผิดหวังตำแหน่งรัฐมนตรียังมีงานอื่นๆ ในบ้านเมืองที่ยังต้องช่วยเหลือกัน สมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีเชื่อว่ายังมีคุณค่ากับพรรค ยังมีโอกาสดำรงตำแหน่งอีก ยืนยันไม่มีความขัดแย้ง ไม่ส่งผลกระทบพรรค ยืนยันพรรคไม่แตกแยก ความรู้สึกของแต่ละบุคคลเป็นเรื่องปกติตามระบอบประชาธิปไตย แต่พรรคเคารพสิทธิเสรีภาพของสมาชิกพรรค” นายพร้อมพงศ์กล่าว

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนการปรับ ครม.ครั้งนี้ไม่ใช่การปรับเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามที่ฝ่ายค้านระบุ พรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะนายกฯ ไม่มีการปรับเพื่อหนีการอภิปราย รัฐมนตรีหลายคนที่พรรคฝ่ายค้านจ้องจะอภิปรายยังอยู่ใน ครม.ชุดนี้ วันนี้ใครจะเป็นใครที่ถูกปรับขอฝ่ายค้านอดใจรอ การที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายนั้นไม่มีปัญหา แต่อาจมีปัญหาเรื่องวันเวลา เพราะวันที่ 26-27 พ.ย. ที่มีการระบุว่าจะอภิปรายนั้นเป็น 2 วันสุดท้ายก่อนการปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เรื่องนี้ตนมองว่าอาจมีนัยทางการเมือง ซึ่งถ้าเป็นไปได้น่าจะกำหนดวันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดสมัยการประชุมจะเป็นประโยชน์มากกว่า

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายกฯ จะไปต่างประเทศในช่วงการอภิปรายฯ เพราะมีนัดหมายล่วงหน้านั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เรื่องนี้เชื่อว่าจะมีการประสานเวลาระหว่างวิปฝ่ายค้านกับวิปรัฐบาลเพื่อจัดสรรเวลา ดังนั้นพรรคเพื่อไทยอยากให้พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายเพื่อตรวจสอบรัฐบาล ถ้าฝ่ายค้านรวบรวมข้อมูลการทุจริตจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน พรรคเพื่อไทยไม่ห่วงการตรวจสอบ และพร้อมที่จะใช้เวทีนี้ในการชี้แจงประชาชน ขอให้อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ มีข้อมูลจริงๆ ไม่ใช่ลักษณะตัดแปะข่าวแล้วมาขยายผล เช่น กรณีไซฟ่อนเงินที่ไม่เป็นความจริง เเต่มีลักษณะไปจินตนาการ เรื่องทุจริตงบน้ำท่วม หรือจำนำข้าว ตนอยากให้มีข้อมูลใหม่ๆ ดังนั้นจึงอยากขอให้พรรคฝ่ายค้านไปรวบรวมข้อมูลในการตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชน ไม่ต้องกังวล เพราะรัฐบาลและนายกฯ พร้อมที่จะชี้แจง ไม่หนีการอภิปรายแน่นอน

รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทยแถลงถึงกรณีการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทยในวันที่ 30 ต.ค.นี้ โดยจะมีการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ภายหลังจากนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า เรื่องนี้ไม่มีใบสั่งจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ส่วนรายชื่อต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข่าวมานั้นอาจเป็นเรื่องของการสนับสนุนจากสมาชิกพรรค แต่การเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และตำแหน่งอื่นๆ จากการร่วมประชุมของสมาชิกพรรคจำนวน 319 คนนั้น ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 200 คนที่มาจากตำแหน่งส่วนต่างๆ ภายในพรรค อีกทั้งการลงคะแนนก็เป็นการลงคะแนนลับ ใครได้คะแนนสูงสุดก็ได้รับตำแหน่งไป

“การเลือกกรรมการบริหารพรรคไม่มีใบสั่ง เป็นการเลือกตามข้อบังคับพรรคการเมืองและกระบวนการประชาธิปไตย ถือเป็นการปรับโครงสร้างพรรคอีกครั้งให้พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองเพื่อขับเคลื่อนนโยบายแก้ปัญหาประชาชน ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง ทุกอย่างยังไม่มีข้อยุติ ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเท่านั้น” นายพร้อมพงศ์กล่าว

นายพร้อมพงศ์แถลงต่อว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้ติดตามการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่จัดแรลลีตามหาฆาตกร 99 ศพ ซึ่งการชุมนุมของ นปช.นั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อยู่ในกรอบของกฎหมาย และในวันนี้พรรคเพื่อไทยจะจับตาการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่สนามม้านางเลิ้ง ที่นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เช่นกัน จากการข่าวของหน่วยงานที่ให้ข้อมูล และจากประชาชนที่ให้ข้อมูลมาพบว่ามีพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล และกลุ่มผู้สูญเสียประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลได้ให้การสนับสนุน ระดมขนคนมาร่วมชุมนุม ถ้าเป็นความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งตนอยากขอร้องว่าให้หยุดการกระทำนั้นเสีย เพราะขณะนี้บ้านเมืองกำลังไปได้ดี และประชาชนต้องการให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่จะแก้ปัญหาประเทศ และขณะนี้พรรคฝ่ายค้านก็เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่แล้ว ถ้าผู้ชุมนุมสงสัยในการบริหารงานของรัฐบาล หรือมีข้อมูลว่ามีการทุจริตก็สามารถส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลโดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ จึงไม่ควรใช้ม็อบมากดดันรัฐบาลภายใต้บรรยากาศที่ประเทศชาติกำลังพัฒนา และประเทศไทยกำลังมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตานานาชาติว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุน และประเทศที่น่าท่องเที่ยว

นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ตนห่วงว่าการชุมนุมของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลถ้าเกินเลยขอบเขตตามสิทธิรัฐธรรมนูญจะทำให้ประเทศไทยเสียภาพลักษณ์ได้ และที่สำคัญนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยกล่าวไว้ว่าเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา ตนอยากให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลต้องใช้วิถีทางการตรวจสอบรัฐบาล เหมือนอย่างที่นายชวน หลีกภัย ได้เคยพูดไว้ ไม่ควรกระทำแตกต่างไปจากวิถีทางประชาธิปไตย โดยใช้ม็อบมากดดันเพื่อจะหวังล้มรัฐบาลโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะไม่ยอมรับวิธีการที่จะได้มาซึ่งอำนาจโดยไม่ถูกต้องและไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน และกลุ่มที่เคลื่อนไหวจะไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน

รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทยยังแถลงถึงการสัมมนาสมาชิกพรรคเพื่อไทย โซน 3 กทม. (ฝั่งธนบุรี) ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานโซนฝั่งธนบุรี พรรคเพื่อไทย เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า การสัมมนาของสมาชิกพรรคเพื่อไทยโซน 3 กทม. เป็นการประชุมเพื่อคัดเลือกตัวบุคคลที่จะลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. โดยโซน 1 กทม. ตะวันออก นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และโซน 2 กทม. โซนกลาง นำโดยนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม ก็ได้มีการประชุมและคัดเลือกตัวบุคคลที่จะลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ทั้ง 3 โซน กทม.ของพรรคเพื่อไทยต้องเสนอรายชื่อตัวบุคคลที่จะลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.ให้คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ตัวบุคคลที่ลงชิงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ประมาณต้นเดือน พ.ย.นี้แน่นอน เพื่อเตรียมความพร้อมในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในช่วงต้นปี 2556 ต่อไป

นายพร้อมพงศ์แถลงด้วยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประกาศให้พื้นที่ภาคอีสาน 6 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ อํานาจเจริญ เลย สกลนคร อุดรธานี และบึงกาฬ เป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ฝนทิ้งช่วง) หรือภัยแล้ง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ถึงปัจจุบันนี้นั้น พรรคเพื่อไทยมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จึงได้สั่งการให้ ส.ส. และสมาชิกพรรคที่อยู่ในพื้นที่ไปรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอต่อที่ประชุมพรรคในวันที่ 30 ต.ค.นี้ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมป้องกันและรับมือ และหาวิธีการแก้ไขต่อไป