ภท.ยุค “เสี่ยหนู” ป้อแป้ แตกหัก “ก๊วนสมศักดิ์”

รายงานการเมือง

มติที่ประชุมใหญ่วิสามัญ พรรคภูมิใจไทย เมื่อ 14 ตุลาคม 2555 ที่มีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยชุดใหม่ จำนวน 11 คน ไม่ได้มีอะไรพลิกจากความคาดหมาย

เพราะรายชื่อกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยชุดใหม่ ล้วนแล้วแต่มีแต่พวกกลุ่มเนวิน ชิดชอบ ทั้งสิ้น โดยไม่มีคนในกลุ่มของสมศักดิ์ เทพสุทินหรือกลุ่มมัชฌิมา ร่วมสังฆกรรมด้วยแต่อย่างใด

สอดรับกับความเป็นจริงที่ชัดเจนแล้วว่า กลุ่มสมศักดิ์จะย้ายไปพรรคเพื่อไทยแน่นอนเมื่อประตูเปิดกว้าง

เนื่องจากทุกวันนี้กลุ่มสมศักดิ์แม้ชื่ออยู่ภูมิใจไทย แต่ตัวและใจไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยนานร่วมปีแล้ว เห็นได้จากที่ไม่มีการส่ง ส.ส.ในกลุ่ม 7 คนไปร่วมประชุมพรรคภูมิใจไทยประจำสัปดาห์เลยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

รวมถึงการประชุมใหญ่พรรคเมื่อ 14 ตุลาคม ก็ไม่มี ส.ส.ในกลุ่มไปร่วมงานแม้แต่กับนางพรทิวา นาคาศัย ที่เป็นอดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยก็ยังไม่ไปปรากฏตัวในการประชุมดังกล่าว

ชัดเสียยิ่งกว่าชัด ก๊วนสมศักดิ์ก็คือพวกเพื่อไทยในพรรคภูมิใจไทยดีๆ นั่นเอง

สำหรับรายชื่อกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยชุดใหม่ ประกอบด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส่วนรองหัวหน้าพรรคอีกสองคน คือ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และนายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยเป็นเลขาธิการพรรค, ศุภชัย ใจสมุทร เป็นรองเลขาธิการพรรค นางนาที รัชกิจประการ เป็นเหรัญญิกพรรค สรอรรถ กลิ่นประทุม เป็นประธานที่ปรึกษาและกรรมการบริหารพรรค รังสิกร ทิมาตฤกะ เป็นนายทะเบียนพรรค และน.ส.ศุภมาศ อิศรภักดี เป็นโฆษกพรรค

ทิศทางต่อจากนี้ของพรรคภูมิใจไทย โปรดอย่าได้ถามว่าจะเป็นฝ่ายค้านคุณภาพดีแค่ไหนหรือจะตรวจสอบรัฐบาลเพื่อไทยอย่างเข้มข้นอย่างไร เพราะด้วยบุคลากรของพรรคจะพบว่า ส.ส.ส่วนใหญ่แทบไม่มีบทบาทอะไรเลยในสภาผู้แทนราษฎรในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา

มีแต่ศุภชัย ใจสมุทร คนเดียวที่ทำหน้าที่อภิปรายอะไรต่างๆ ที่ดูได้ นอกนั้นแทบไม่เคยเห็นใครในพรรคภูมิใจไทยที่แสดงบทบาทอะไรในสภาฯได้เลย

ยิ่งการที่แกนนำพรรคสองคน คือ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค กับเสี่ยโอ๋-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายเนวิน ชิดชอบ ที่มารับตำแหน่งเลขาธิการพรรคในโควตาของกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่มี ส.ส.ในพรรคร่วม 27 คน ปรากฏว่าไม่ได้เป็น ส.ส.ด้วยกันทั้งคู่ บทบาทการเมืองก็ต้องมีข้อจำกัดการขับเคลื่อนงานพรรคในสภาฯ ก็ทำได้ไม่เต็มที่

แถมผู้ใหญ่ในพรรคอย่าง ชวรัตน์ ชาญวีรกูล-ชัย ชิดชอบ แม้จะเป็น ส.ส.ด้วยกันทั้งคู่ แต่ทั้งสองคนก็นับถอยหลังการเมืองแล้ว คงไม่คิดจะพัฒนาอะไรพรรคมากไปกว่านี้ปล่อยให้ลูกชายทั้งอนุทิน-ศักดิ์สยามทำงานกันไป

ซึ่งหากทั้งสองคนคิดจะทำพรรคให้เป็นจริงจัง ก็ต้องวางเข็มทิศพรรคกันใหม่ เพราะที่ผ่านมา ภูมิใจไทยแทบไม่มีบทบาทอะไรในการเมือง

ดูได้จากตอนนี้อย่างการจะไปร่วมกับประชาธิปัตย์ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการแสดงฝีมือการเป็นพรรคฝ่ายค้าน และการโฆษณาพรรคตัวเองให้คนทั้งประเทศได้รู้จักโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากเตรียมข้อมูลการอภิปรายมาให้ดีๆ

แต่ภูมิใจไทยแทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจเลย ข่าววงในที่ออกมาปรากฏว่า ส.ส.ภูมิใจไทยแทบไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน

ไม่เตรียมการอะไรยังไม่พอ ตัวอนุทินก็ไปบอกในวันแถลงข่าวรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่กำลังจะมีขึ้น พรรคภูมิใจไทยก็คงจะเข้าร่วมลงชื่อในการอภิปราย พร้อมรับฟังคำชี้แจง และให้โอกาสรัฐบาลชี้แจง โดยพรรคจะยึดหลักความเป็นจริง

“หากชี้แจงแล้วผ่านก็อาจจะยกมือสนับสนุนรัฐบาล แต่ทั้งนี้ยังไม่คิดถึงขั้นจะร่วมรัฐบาล แต่รัฐบาลสมัยนี้คงยังไม่เห็นภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลเพราะต้องเป็นไปตามธรรมชาติของการเมือง”

แทงกั๊กกันเห็นๆ สำหรับภูมิใจไทยยุคเสี่ยหนูกุมบังเหียน ยังไม่ทันไรบอกหากรัฐบาลชี้แจงดีก็ยกมือให้ ด้วยความเป็นฝ่ายค้าน ต่อให้รัฐบาลชี้แจงขึ้นยังไง สิ่งที่ทำได้ก็คือ งดออกเสียง ไม่ใช่ไปยกมือให้รัฐบาล หากจะบอกว่าเป็นฝ่ายค้านแนวใหม่ อันนี้หลายคนก็ดูออกว่าเป็นแนวหวังผูกสัมพันธ์กับเพื่อไทยมากกว่า

การที่ภูมิใจไทยดูจะไม่กระตือรือร้นในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าหรือจะเป็นเพราะเกรงว่าจะไปซักฟอกพรรคเพื่อไทยแล้วจะโดนสวนกลับ เนื่องจากสมัยภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลก็น่าจะไปทำอะไรทิ้งไว้มากมายในกระทรวงมหาดไทย-กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงคมนาคม

ยิ่งหากจะไปร่วมอภิปรายเรื่องโครงการจำนำข้าวก็อาจโดนย้อนตลบหลังสมัยภูมิใจไทย

เมื่อดูตามนี้แล้ว แม้อนุทินจะบอกว่าภูมิใจไทยคงไม่มีโอกาสได้ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยแน่นอนในสมัยการเมืองนี้ เพราะปัจจัยไม่เอื้ออำนวย แต่ก็เห็นได้ว่าตัวอนุทินดูจะพยายามทอดสัมพันธไมตรีไปให้ทักษิณ ชินวัตร และเพื่อไทยตลอด

สอดรับกับข่าวที่ออกมาอย่างไม่เป็นทางการว่าเสี่ยหนูเองก็พยายามขอกลับไปคืนดีกับทักษิณและแกนนำพรรคเพื่อไทยมาตลอด ถึงขั้นมีข่าวออกมาว่าบินไปหาทักษิณที่ต่างประเทศเหมือนกัน แต่การพูดคุยไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะทักษิณก็รู้ดีว่าแม้อนุทินจะอ้างว่าตัวเองจะมีอำนาจเต็มในพรรคภูมิใจไทยเมื่อขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค แต่ความจริงแล้วภูมิใจไทยก็คือพรรคของเนวิน ชิดชอบอยู่ดี แม้เนวินจะประกาศยุติบทบาททางการเมืองไปแล้วในงานวันเกิดของตัวเองเมื่อเร็วๆ นี้

ข่าวจึงออกมาว่า ก๊วนสมศักดิ์มีภาษีดีกว่าในการได้รับบำเหน็จการเมืองอะไรสักอย่างจากทักษิณในอนาคต แต่คงไม่ใช่ช่วงนี้ เพราะด้วยจำนวนเสียง ส.ส.เพื่อไทยกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องเอาทั้งกลุ่มสมศักดิ์และภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาล

ขืนทำก็มีแต่จะสร้างความปั่นป่วนในพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่าอีกทั้งจะเสียมวลชนที่หนุนเพื่อไทยซึ่งยังยอมรับไม่ได้กับภูมิใจไทยที่เคยหักหลังทักษิณไปตั้งรัฐบาลกับประชาธิปัตย์

ทักษิณก็เลยเล่นเกมโดดเดี่ยวประชาธิปัตย์ ทำให้ภูมิใจไทยกลายเป็นฝ่ายค้านไม่สมประกอบไปแบบนี้เรื่อยๆ และดูเหมือนภูมิใจไทยก็ไม่ขัดข้องเสียด้วยสิ