“สุกำพล” ส่งโฆษกกลาโหมแจงจำนำข้าว จวกสื่อเขียนผิด ยันไม่ได้พูดยอมรับได้โกง 20% บอกนายพูดสั้นเลยทำเข้าใจผิด ลั่นคนบ้าที่ไหนจะยอมรับได้ แนะฟังให้ดี ขู่ฟังไม่เข้าใจต้องตบบ้องหู ด้านกลาโหมเข้มระบบรักษาความลับ สั่งเก็บมือถือนักข่าว-ช่างภาพขณะบันทึกภาพ แถมตัดสัญญาณฮัลโหลด้วย
คลิกที่นี่ เสียงแถลงการณ์ " พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง"
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 14.00 น. พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทระทรวงกลาโหม แถลงชี้แจงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์โจมตีคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่อ้างยอมรับได้กับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว 20 เปอร์เซ็นต์ว่า จากการที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอการให้สัมภาษณ์ของ รมว.กลาโหมเกี่ยวกับโครงการนำข้าว ซึ่ง รมว.กลาโหมได้ชี้แจงตามข้อมูลมีอยู่ว่าเป็นโครงการที่รัฐบาลได้คิดทบทวนหารือร่วมกันเพื่อทำให้เกิดประโยชน์กับชาวนา ซึ่งตัวเลขที่ รมว.กลาโหมระบุนั้นเป็นการประเมินผลว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นส่วนที่ชาวนาได้ประโยชน์ ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์คือปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข ซึ่ง รมว.กลาโหมชี้แจงไปตามเอกสารข่าวที่ปรากฏขึ้น ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม เพียงแต่กระทรวงกลาโหมเป็นกลไกหนึ่งของรัฐบาลที่รับทราบข้อเท็จจริง แต่มีสื่อมวลชนบางฉบับ และวิทยุบางคลื่นอาจไม่เข้าใจ พูดทำนองว่า รมว.กลาโหมยอมรับได้กับการทุจริต 20 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสั่งการทางตนเพื่อให้ชี้แจงว่าความจริงไม่ได้คิดพูดแบบนั้น เพราะเด็ก ป.4 ยังยอมรับไม่ได้กับการทุจริตที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งการให้สัมภาษณ์ในวันนั้น รมว.กลาโหมอาจจะพูดสั้นไปจึงทำให้สื่อเสนอคลาดเคลื่อนไปจากความคิดของท่าน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลประกาศนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันอย่างเร่งด่วนอยู่แล้ว
“สิ่งที่มีผู้หวังดีบางคนได้ให้ข้อเสนอแนะว่าไปตบปาก รมว.กลาโหม ซึ่ง พล.อ.อ.สุกำพลฝากบอกผ่านผมมาว่าถ้า พล.อ.อ.สุกำพลพูดจริงจะตบปากตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นอยากให้ใช้สติปัญญา ใช้วิจารณญาณของคนที่มีความรู้ความสามารถ สิ่งต่างๆ ที่แอบแฝงเข้ามา โดยมีอคติคิดว่าจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนสงสัยในสังคม ควรต้องใช้พิจารณาไตร่ตรอง ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียด ท่านบอกว่า คนบ้าที่ไหนจะยอมรับได้ในสิ่งที่ผิด ถ้าทำได้ลองใช้ไม้แคะหูเอาไปแคะให้ดี ต้องฟังให้ดี คิดว่าถ้าจะทำให้ประโยชน์ร่วมกันน่าจะต้องให้ข่าวอย่างสร้างสรรค์ สิ่งไหนไม่เรียบร้อยจะต้องมีการประสานงานร่วมกัน ดังนั้นจะต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ และอยากให้คนที่เสนอแนะมีวิจารณญาณของความเป็นผู้นำของคนที่มีความรู้ ถ้าฟังแล้วไม่เข้าใจจะต้องมีการตบบ้องหู ทั้งนี้ สาเหตุที่ รมว.กลาโหม ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตัวเองเนื่องจากติดภารกิจ ซึ่งการที่ รมว.กลาโหม ให้ผมมาชี้แจงในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับกระแสข่าวการปรับ ครม. แต่อยากให้สังคมเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง” พ.อ.ธนาธิปกล่าว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าขณะนี้ทางกระทรวงกลาโหม และสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาตรการในการรักษาความปลอดภัย และมาตรการรักษาความลับของทางราชการ โดยเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 14.00 น.ระหว่างงานรับมอบเงินบริจาคสมทบทุนให้แก่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกที่ห้องรับรองสำนักงานรมว.กลาโหม เพื่อสนับสนุนการก่อสร้าง “อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา” ที่มี พล.อ.อ.สุกำพลเป็นประธานการรับมอบ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปทำแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ช่างภาพขึ้นไปบันทึกภาพเท่านั้น โดยก่อนเข้าห้องรับรอง ทางเจ้าหน้าที่และสารวัตรทหารได้ขอให้ช่างภาพนำโทรศัพท์มือถือใส่ตะกร้าหน้าห้องไว้ และเมื่อบันทึกภาพเสร็จจึงมอบโทรศัพท์มือถือคืนให้ โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายหนึ่งเปิดเผยว่า ถือเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยตามปกติ ซึ่งได้นำมาใช้ประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้ที่เข้าพบจะต้องไม่พกอาวุธ และโทรศัพท์มือถือ แม้กระทั่งนายทหารระดับชั้นนายพลยังต้องนำโทรศัพท์มือถือวางไว้ด้านนอก ส่วนการประชุมสภากลาโหมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์บริเวณศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ถือเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงนี้จะมีการเข้มงวดเป็นพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดปัญหาความขัดแย้งจากการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระหว่าง พล.อ.อ.สุกำพล และ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม จนมีคำสั่งให้ พล.อ.เสถียรพ้นจากการทำหน้าที่นั้น ภายในกระทรวงกลาโหมได้มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะความระมัดระวังสำหรับบุคลที่จะเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว เนื่องจากพบว่าในช่วงที่มีการเรียก ผบ.เหล่าทัพ และอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าพบนั้นมีการอัดเทปการสนทนาทางโทรศัพท์มือถือ ทำให้ พล.อ.อ.สุกำพลต้องระมัดระวังผู้ที่เข้าพบและห้ามนำโทรศัพท์มือถือติดตัวเข้าไปด้วย