“เด็จพี่” กล้าพูด “นช.แม้ว” ไม่จุ้นปรับ ครม. เชื่อแก๊ง 111 อาจนั่ง รมต.ยกรมต.ยงยุทธมีสปิริตลาออก สวน ปชป.เล่นไม่เลิกยื่นศาล รธน.สอบ แนะฟัง กกต.แทน รับปากไม่ลักไก่วาระ 3 จวก “คุณชาย-ธีระชน” ขุดเจอหินอุดท่อประจานป้องน้ำท่วมเหลว ไม่ใช่เรื่องการเมือง เย้ยอุโมงค์ดัมมีใช้การไม่ได้ เล็งยื่นดีเอสไอสอบ ส่วน “กมล” ยังบี้ หน.ปชป.เรื่องรับราชการทหาร ตีกินคำสั่งศาลบอก “ตู่” ด่าหนีทหารไม่ผิด สั่ง มท.ฟัน ขู่นิ่งโดนละเว้น ขอลาออกเหมือน “ยงยุทธ”
วันนี้ (30 ก.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ผลักดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และยังไม่มีสัญญาณจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยันว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจในการปรับ ครม.แต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม ส่วนสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ก็ถือว่าเป็นคนทำงานหนักกับพรรคเพื่อไทยมาตลอดคงมีโอกาสในการปรับร่วม ครม. แต่ยังไม่ใช่ช่วงนี้
ส่วนกรณีที่ทางนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น พรรคขอชื่นชมในสปิริต ซึ่งจะเป็นแบบอย่างให้กับสมาชิกพรรคและรัฐมนตรีต่อไป ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์นำเรื่องนี้มาตีกระทบนายกรัฐมนตรีนั้น มองว่าเป็นเกมการเมืองที่หวังจะทำลายล้างรัฐบาล ที่พรรคประชาธิปัตย์จะส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัติสภาพการเป็น ส.ส.ของนายยงยุทธในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ เหมือนเป็นการเล่นไม่เลิก พร้อมขอให้พรรคประชาธิปัตย์รอ กกต.พิจารณาคุณสมบัติที่นายยงยุทธมอบให้ตนไปยื่น กกต.ตรวจสอบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อน
ส่วนการประชุมพรรคเพื่อไทยในวันพรุ่งนี้ (1 ต.ค.) นายพร้อมพงศ์เปิดเผยว่า พรรคจะหารือเรื่องที่ประธานสภาเรียกประชุมในวันอังคารนี้ โดยยืนยันว่าไม่มีการลักไก่ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 แน่นอน นอกจากนี้พรรคจะมีการหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ทางพรรคให้ ส.ส.ลงพื้นที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเสนอวิธีการแก้ปัญหาต่อพรรคและรัฐบาลต่อไป
โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงการตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. และรองผู้ว่าฯ ที่เอาการบริหารจัดการเรื่องน้ำมาเป็นเรื่องการเมือง โดยเฉพาะนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ที่แถลงโต้ว่าการขุดลอกระบายน้ำเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งตนยืนยันว่าจากการขุดลอกท่อของนครบาลและกรมราชทัณฑ์ พบเจอหินขนาดใหญ่อุดตันจนทำให้น้ำท่วมขังหลายพื้นที่ จึงเป็นการประจานการทำงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และผู้บริหาร กทม.ได้เป็นอย่างดี ส่วนกรณีอุโมงค์ยักษ์ 7 อุโมงค์ที่ใช้การไม่ได้ผล ตนคิดว่าคงเป็นอุโมงค์หลอกประชาชนหรืออุโมงค์ดัมมี่ ซึ่งตนได้ติดตามตรวจสอบ เรื่องนี้และจะนำข้อมูลไปยื่นกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อตรวจสอบงบโครงการขุดลอกท่อ กทม. และ อุโมงค์ยักษ์ ในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ ซึ่งหากมีการตรวจสอบความผิดแล้วก็จะยื่นต่อ ป.ป.ช.และ ป.ป.ท.ต่อไป
ส่วน นายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงเรียกร้องไปถึง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เรียกคืนเงินเดือนและสิ่งตอบแทนจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คืน เนื่องจากการเข้ารับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ใช้เอกสารอันเป็นเท็จ จากการที่ศาลพิพากษาคดีนายจตุพร พรหมพันธุ์ หมิ่นนายอภิสิทธิ์ พบว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้รับการตรวจเลือก และได้รับการผ่อนผันจริง แม้ว่าเรื่องนี้กระทรวงกลาโหมจะอยู่ระหว่าการตรวจสอบ แต่เมื่อมีคำพิพากษายืนยันว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์รับราชการในโรงเรียนนายร้อย จปร. กระทรวงกลาโหมควรเร่งดำเนินการเพิกถอนคำสั่ง ซึ่งหากไม่ดำเนินการอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งอาทิตย์หน้าตนจะยื่นหนังสือทวงถามที่กระทรวงกลาโหมอีกครั้ง
ทั้งนี้ นายกมลยังได้นำกรณีนายยงยุทธมาเปรียบเทียบกรณีการใช้เอกสารเท็จของนายอภิสิทธิ์ เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกอีกด้วย