รายงานการเมือง
ปากกล้าขาสั่น จะดึงดันนั่งอยู่หัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่ติดภารกิจนำเหล่าเสนาบดีบางส่วนไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 67 ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา
มิหนำซ้ำ ยังจะสวมหมวกอีกใบด้วยการท้าทายชงผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับการเคาะชื่อจาก “อาเฮีย-อาเจ๊” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เข้าไปให้วงประชุม ครม.ตีตราผ่าน เพื่อให้เริ่มสตาร์ทการปฏิบัติงานในวันเริ่มต้นปีงบประมาณ 2556 ในวันที่ 1 ต.ค. ที่จะถึงนี้
ทว่า พอถึงวันรุ่งขึ้นเข้าจริงๆ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กลับเปลี่ยนใจเบี้ยวประชุม ครม. เอาแบบสายฟ้าแลบ ด้วยข้ออ้างดูดี เพราะ “นารีปู” สายตรงมาจากมะกันให้ลงตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ปราจีนบุรี ด่วน
กระนั้น ตามจังหวะโกหกตาใสแต่ไม่เนียน ก็ยังถูกชาวบ้านชาวช่องจับไต๋ไล่ทัน เพราะบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายที่เดินมาประชุม ครม.ในวันดังกล่าวด้วย ต่างก็ปล่อยไก่โชว์ลูกเอ๋อรับมุกตามน้ำของแผนการ “ชิ่งฉุกละหุก” ครั้งนี้ไม่ทัน
รวมไปถึงในรายของ “ปลอดประสพ สุรัสวดี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ที่มีชื่อโผล่ให้ไปร่วมขบวนตรวจน้ำกับ “ยงยุทธ” แท้ๆ แต่ก็รับมุกไม่ทัน เผลอมานั่งประชุมครม.นานอยู่หลายนาที
กว่าจะรู้ตัวพวกก็จับทางได้หมด กลายเป็นภารกิจ “ลับ ลวง พลาด” แบบเต็มๆ
อย่างไรก็ตาม จับอาการ “ยงยุทธ” หนีอุณหภูมิร้อนๆ ในเก้าอี้รักษาการประธานการประชุม ครม. ไปหาของเย็น อย่างการลุยน้ำเอ่อน้ำท่วมที่จ.ปราจีนบุรีครั้งนี้แล้ว สะท้อนความจริงแบบสลัดไม่ออก นาทีนี้ “มท.1” ตกอยู่ในภาวะ “ฟ่อ” แบบสุดขีด
นอกจาก “ศึกนอก” ที่ดูแล้วมีแววจะยืดเยื้อถึงมือศาลรัฐธรรมนูญในบั้นปลายเป็นแน่ เพราะทั้งพรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายต้านเองคงไม่ละความพยายามที่จะเชือด “สมันน้อย” ตัวนี้ให้หล่นจากเก้าอี้เสนาบดีไปให้ได้
เพราะต้องอย่าลืมว่า การเขย่า “ยงยุทธ” หนนี้ของฝั่งตรงข้าม ไม่ได้หวังผลเพียงแค่ตัวบุคคลอย่างเดียว แต่หมายถึงความเป็นไปอยู่ของ “พรรคเพื่อไทย” ที่ดีไม่ดีอาจสุ่มเสี่ยงจะถูกยุบพรรคซ้ำรอย “ไทยรักไทย-พลังประชาชน” ด้วยหัวโขนหัวหน้าพรรคสีแดงที่สวมใส่อยู่อีกใบ
ขณะที่ “ศึกใน” อย่างคนกันเองในพรรคก็เป็นอะไรหนักหนาสาหัสพอสมควรกับความมั่นคงในเก้าอี้เสนาบดีของเจ้าของฉายา “ทักษิโด้โชว์ห่วย” โดยเฉพาะกลุ่มก๊วน “บ้านเลขที่ 111” ที่เดินเกมเลื่อยขามาตลอดในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจาก “ไม่ปลื้ม” กับฟอร์มการเล่นที่ไม่เอาอ่าว และขัดอกขัดใจพวกขาใหญ่ในพรรคหลายครั้ง
ที่สำคัญหากเขี่ย “ยงยุทธ” หลุดออกจากวงโคจรได้ ก็ส่งผลให้โควตาใน “ครม.ยิ่งลักษณ์” จะมีที่ว่างลง โดยเฉพาะ “เก้าอี้ มท.1” ที่บรรดานักการเมืองหลายคนแก่งแย่งกันฝุ่นตลบทุกครั้งเมื่อถึงฤดูกาลปรับครม. ยิ่งพวก “ผีตองหนึ่ง” ที่เพิ่งพ้นมาจากหลุม และอยากลองลิ้มชิมรสความหอมหวานของอำนาจอีกครั้ง
ทว่า แผนการรวมด้วยช่วยกันเตะโด่ง “ยงยุทธ” เพื่อให้ได้เก้าอี้ “คลองหลอด” ก็ไม่ง่ายนัก เนื่องจากมีแบ็กอัพพะยี่ห้อ “ยิ่งลักษณ์” เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กคุ้มกันให้
และที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า การบีบเร้าของขบวนการเลื่อยขาเก้าอี้ “ยงยุทธ” ที่อุตส่าห์บินไปโน้มน้าว “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หลายครั้งเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนก็ไม่ได้ผล เพราะ “นารีปู” เซย์โนกลับมาทุกครั้ง
ขณะที่เหตุผลที่ “ผู้นำหญิง” ยังยืนเคียงข้างรองนายกรัฐมนตรีหัวขาวคนนี้เสมอมา ก็หาใช่ทึ่งในความสามารถแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ “ยงยุทธ” เปรียบเสมือนมือไม้ด้านภารกิจรูทีนและงานราชการ ที่คอยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้อยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน นอกจากการช่วยเหลือในเรื่องงานรูทีนที่ “ยิ่งลักษณ์” ประทับใจฟอร์มแล้ว การที่ “เจ้ากระทรวงคลองหลอด” รายนี้ตามติดไปทุกหนทุกแห่งเสมือน “วอลเปเปอร์” แม้กระทั่งการเดินทางไปรอต้อนรับการเดินทางกลับจากต่างประเทศของผู้นำหญิงที่สนามบินด้วยตัวเองแทบทุกครั้ง ต่อให้เป็นช่วงเวลาปฏิบัติงานของตัวเองก็ตาม ก็เป็นภาพชินชาที่พบเห็นได้บ่อยๆ จนหลายคนในพรรคออกอาการหมั่นไส้ถึงพฤติกรรม จนซุบซิบกันแรงๆว่าเป็นการ “ประจบสอพลอ”
แต่ก็ยังตรงกันข้ามกับ “นายกฯปู” ที่ชอบสไตล์การทำงานแบบนี้ มิหนำซ้ำข้อดีของ “ยงยุทธ” อีกอย่างก็คือ การสงบปากสงบคำ ไม่ต่อล้อต่อเถียงเมื่อนายหญิงวีนแตก ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เจ้าตัวจัดอยู่ในกลุ่มพวก “สายแข็ง”
เรียกว่า ทั้ง “จริต” และ “งาน” ผู้นำประเทศ ยกมือให้ผ่านฉลุย!
ซึ่งการยืนหนุนหลัง “ยงยุทธ” ของ “ยิ่งลักษณ์” ในครั้งนี้ ยังสะท้อนสเปกงานของคนที่จะมาทำงานเคียงข้างนายกฯหญิงคนนี้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
โดยเฉพาะกรณีตัวอย่างก่อนหน้านี้อย่าง “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่แม้คนในพรรคเพื่อไทยจะไม่คบค้าสมาคมด้วย ขณะที่ “นางห้างดูไบ” ก็แค้นฝังหุ่นตั้งแต่โดนชิ่งนี้ในช่วงที่พรรคไทยรักไทยตกอับ
แต่ทว่า “น้องสาวนายห้าง” ก็ยังเลือกที่จะดัน “สุรนันทน์” ขึ้นเป็นนายกฯน้อยคู่ใจ เพียงเพราะติดใจในฝีมือเรื่องงานประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ และการวางตัวตั้งรับเกมการเมือง โดยไม่สนใจเรื่องภูมิหลังแม้แต่น้อย
เช่นเดียวกับ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เป็นอีกหนึ่ง “สายแข็งตึกไทยคู่ฟ้า” ที่นั่งคาเก้าอี้มาได้จนถึงปัจจุบันก็เพราะบารมีจาก “ยิ่งลักษณ์” ที่ยืนยันสนับสนุนให้ทำงานต่อ แม้พี่ชายตัวเองและมือเศรษฐกิจที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลอย่าง “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” และ “พันศักดิ์ วิญญูรัตน์” ประธานที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี จะไม่พอใจเรื่องผลงานในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็ตาม
แต่เมื่อ “โต้ง White lie” เป็นสหายซี้ย่ำปึ้ก “ยิ่งลักษณ์” และ “เสี่ยนิด -เศรษฐา ทวีสิน” บิ๊กบอสแห่งค่ายแสนสิริ ที่จัดเป็นกลุ่มแก๊งค์เดียวกันตั้งแต่สมัยก่อนเข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ต้องเอาคนใกล้ตัวนั่งประกบทำงานไว้ก่อน แม้จะทำงานแบบชุ่ยๆ ก็ตาม
ตามจังหวะ จึงไม่ง่ายเลย หากใครคิดจะดีด “สายแข็งไทยคู่ฟ้า” เหล่านี้ออกจากสารบบ “ครม.ยิ่งลักษณ์” เพราะหากย้อนดูคุณสมบัติของแต่ละคนข้างต้น ส่วนใหญ่อยู่ในประเภททำงานแบบ “ประจบนาย” ทั้งสิ้น
และที่สำคัญ “ยิ่งลักษณ์” ก็นิยมคนทำงานแบบนี้เสียด้วย!!!!!
ยกเว้นแต่ในกรณีของ “ยงยุทธ” ที่หากดูแล้วรัฐบาลฝืนข้อกฎหมายและแรงต้านจากทั้งนอกและในไม่ไหว บางทีก็อาจเป็น “สายแข็ง” คนแรกที่ต้องยอมตัดใจหั่นออกเพื่อรักษาอำนาจ