xs
xsm
sm
md
lg

“เสธ.แมว” ปฏิวัติ “สมช.” สู้ศึกการข่าวงัด กอ.รมน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร
จบเสียที... หลังยืดเยื้อมานานหลายสัปดาห์ เมื่อ “เบอร์หนึ่งกระทรวงหูกวาง” และ “เจ๊ ด.” ยอมสยบต่อ “นายใหญ่” เปิดทางให้ “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้ามาดำรงตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงคมนาคม”

เพื่อเปิดทางให้ “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” หรือที่เรียกกันว่า “เสธ.แมว” เขยิบจากรองเลขาธิการ สมช. ขึ้นเป็นเลขาธิการ สมช.

ถือเป็นบทพิสูจน์ว่า “นายใหญ่” เลือกตอบแทนบุญคุณของ “ผู้มีพระคุณ” มากกว่าที่จะยี่หระกับเงิน 100 ล้านบาท ที่ “อธิบดี” ในกระทรวงบางคน พยายามวิ่งซื้อตำแหน่งผ่าน “เบอร์หนึ่งกระทรวงหูกวาง” กับ “เจ๊ด.”

เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า “พล.ท.ภราดร” คือหลานแท้ๆของ “ปรีดา พัฒนถาบุตร” อดีตรัฐมนตรีทบวงมหาวิทยาลัย ผู้กว้างขวางในจังหวัดเชียงใหม่ ที่สำคัญ “ปรีดา” คือ “เจ้านายเก่า” ของ “พ.ต.ท.ทักษิณ” สมัยยังไม่ยิ่งใหญ่ เป็นแค่นายเวรถือกระเป๋าตาม

“พล.ท.ภราดร” เข้ามามีบทบาทใน สมช. สมัยรัฐบาล “สมัคร สุนทรเวช” เมื่อเช็คกระแสแล้วว่าไม่มีทางที่จะเป็น “ใหญ่” ในสาย “ทหารอาชีพ” จึงขอข้ามห้วยมาเป็น “รองเลขาธิการ สมช.” โดยมี “พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา” เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ของ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ซึ่งข้ามห้วยมาก่อนแล้ว นั่งเป็นเลขาธิการ สมช.อยู่

กระทั่งรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จัดการเขี่ยพวกตรงข้ามห้วยออก โดยแต่งตั้งลูกหม้ออย่าง “ถวิล เปลี่ยนศรี” เป็นเลขาธิการ สมช. แทน “พล.ท.สุรพล” ก่อนตั้ง “สมเกียรติ บุญชู” เป็นรองเลขาธิการ สมช. แทน “พล.ท.ภราดร”

ลือกันว่าการโยกย้ายครั้งดังกล่าวสร้างความขุ่นเคืองใจให้ “พล.ท.ภราดร” รอวันชำระแค้น ถึงขั้นลั่นวรรคทองกลางสำนักงานว่า “อย่าให้กูกลับมา”

ถึงวันนี้การรอคอยของ “พล.ท.ภราดร” ก็สิ้นสุดลง ที่ไม่กลับมาเปล่า ยังถีบตัวขึ้นกุมบังเหียนอีกต่างหาก

หลังจากนี้ภารกิจหลักก่อนทำงานคือการโยกย้าย “ตำแหน่งหลัก” ใน สมช.ให้เข้าที่มากที่สุด มีเป้าหมาย “ขจัดเสี้ยนหนาม” โดยเฉพาะ “ลูกน้องเก่า” ของ “ถวิล” ออกไปให้ได้มากที่สุด

ซึ่ง “พล.ท.ภราดร” รู้ดีว่า “ใคร” สายไหน “ใครเหลือง” - “ใครเหลืองอ่อน” - “ใครแดง”

ไล่ตั้งแต่ตำแหน่ง “รองเลขาธิการ สมช.” เมื่อ “พล.ท.ภราดร” ขึ้นเป็นเลขาธิการ สมช. จะทำให้ตำแหน่งว่างลงทันที 1 ตำแหน่ง รวมทั้ง “อดิศักดิ์ ตันยากุล” รองเลขาธิการ สมช. จะเกษียณอายุราชการ ทั้งหมดจะทำให้ตำแหน่ง “รองเลขาธิการ” ว่างลง 2 ตำแหน่ง

ว่ากันว่าตำแหน่ง “รองเลขาธิการ สมช.” ในยุคของ “พล.ท.ภราดร” มีคนจองไว้แล้ว โดยเฉพาะเพื่อนร่วมรุน “เตรียมทหารรุ่น 14” ที่ผิดหวังจากการโยกย้ายนายทหารระดับ “นายพล” ครั้งล่าสุด

นอกจากนี้ในระดับผู้บริหารของ สมช. “พล.ท.ภราดร” เตรียมยกโครงสร้างใหม่เกือบทั้งหมด โฟกัสไปที่ “ผอ.” หน่วยงานต่างๆ คร่าวๆมี “ผู้บริหาร” ที่จะถูกเขี่ยทิ้งก่อนใครมีดังนี้

1.นายอภิชาย อบอุ่นสกุล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการก่อการร้าย 2.นายฉัฐวัสส์ บัตรสมบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์บริหาร 3.นายสมเกียรติ ศรีประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ 4.นายวีระ อุไรรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านปัญหาความมั่นคงข้ามชาติ 5.นางกนกทิพย์ รชตะนันท์ รักษาการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง 6.นายสิงคิ์ วิเศษพจนกิจ ผู้อำนวยการสำนักประเมินภัยคุกคาม 7.นายดนัย มู่สา ผู้อำนวยการสำนักความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้และชนต่างวัฒนธรรม 8.นายวรณัฐ คงเมือง ผู้อำนวยการกลุ่มงานกฎหมาย

เชื่อว่าเวลานี้เหล่าแคนดิเดตมีอาการหนาวๆร้อนๆไม่แพ้กัน

“บางคน” ถึงขนาดขอย้ายไปสังกัดหน่วยงานอื่นแล้ว “บางคน” ยื่นความจำนงขอไปศึกษาต่อต่างประเทศ และ “บางคน” เลือกที่จะยอมรับชะตากรรมขึ้นอยู่กับว่าจะย้ายไปที่ไหน

ทว่า “พล.ท.ภราดร” เอง ก็ยากที่จะขยับใครออกจากตำแหน่ง เพราะจะหาตำแหน่งที่เหมาะสมหรือเทียบเท่าให้ยากเหมือนกัน และตำแหน่งที่จะขยับไปก็มีจำกัดอีกด้วย

ดังนั้น “พล.ท.ภราดร” จึงจำเป็นที่ต้องขจัดเสี้ยนหนามสำคัญๆออกเสียก่อน เพื่อวางรากฐานของ สมช.ยุค “หลานแม้ว” ให้มีความเข้มแข็งมากที่สุด

เพื่อเฝ้าระวังโรคแทรกซ้อนให้กับ “รัฐบาล”

บทบาทไปสมช.จะเป็นหน่วยงานหลักที่ “รัฐบาล” รวมทั้ง “นายใหญ่” ใช้ ทำงานด้านความมั่นคงทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ

และรู้ดีว่าโอกาสการ “ปฏิวัติรัฐประหาร” ยังไม่ปิดตายลงไป จึงจำเป็นที่จะต้องทำให้ “การข่าว” แม่นยำและถูกต้อง มาอยู่ในมือให้รวดเร็วที่สุด

ที่สำคัญลึกๆแล้ว “นายใหญ่” ต้อการใช้ “สมช.” ทัดทานและตรวจสอบความเคลื่อนไหวของ “ฝั่งตรงข้าม” ช่วยประเมินความเคลื่อนไหวสถานการณ์ทาง “การเมือง” ของกลุ่มก้อนต่างๆ

โฟกัสไปที่ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของบรรดา “ทหารสายอำมาตย์” เพราะรู้ดีว่า “สมช.” คือแหล่งรวบรวมข้อมูลด้าน “การข่าว”

เนื่องจากหน่วยงานความมั่นคงที่ทำงานใกล้เคียงกับสมช. อย่าง “กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร” (กอ.รมน.) ยังอยู่ในความดูแลของ “กองทัพบก” ซึ่งจะมี “พล.ท.อุดมเดช สีตะบุตร” แม่ทัพภาคที่ 1 เข้ามาเป็น “เสนาธิการทหารบก” ดำรงตำแหน่ง “เลขาธิการกอ.รมน.” โดยตำแหน่ง

อีกทั้งว่ากันว่า “พล.ท.อุดมเดช” ถูกวางตัวให้เป็นทายาทของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา” ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้เข้ามาดำรงตำแหน่ง “ผบ.ทบ.” ในอนาคตอันใกล้

ดังนั้นหากไว้ใจใช้งาน “กอ.รมน.” มากเกินไป อาจจะเกิดช่องโหว่ขึ้นได้

จุดนี้ “นายใหญ่-แกนนำแดง” จึงคาดหวังกับทำงานของ “พล.ท.ภราดร” ไว้สูง เพราะหาก “สมช.” ทำงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่คาดหวังเอาไว้ อาจจะส่งผลกระทบต่อความดำรงอยู่ของ “รัฐบาล” ได้

แต่เท่าที่ทราบมาตรฐานการทำงานของ “พล.ท.ภราดร” ไม่ได้สูงเหมือน “ตำแหน่ง” โปรไฟล์การทำงานมีน้อยมาก ถนัดด้านการ “วิ่ง” มากกว่าด้านการ “งาน”
กำลังโหลดความคิดเห็น