“ทนายสุวัตร” ชี้สาเหตุที่ศาลมีคำสั่งว่าทหารยิง “แท็กซี่เสื้อแดง” ตาย ทั้งๆ ที่เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม เป็นเพราะกองทัพไม่ตั้งทนายเข้าไปถามค้าน ปล่อยพยานโกหกกันตามสบาย ระบุทหารจะโดนคดีกันถ้วนหน้า แต่ “มาร์ค-เทือก” รอดหมด ด้าน “พล.อ.ปรีชา” หนุนทหารทำถูกแล้ว มั่นใจเอาผิดไม่ได้"
วันที่ 18 ก.ย. นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก และ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ถึงประเด็น “นายพัน คำกอง”
นายสุวัตรกล่าวถึงคำสั่งการไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพของนายพัน คำกอง คนขับรถแท็กซี่เสื้อแดงว่า คำสั่งศาลนั้นทำให้ ศอฉ.หมดท่า ทำกองทัพพัง การที่ออกมารักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองกลับต้องตกเป็นคนผิด เพราะกองทัพไม่ปกป้องคนของตัวเอง ลูกน้องตายเพราะนายโง่ มีใครออกมาสลายการชุมนุมตอนใกล้เที่ยง เขาทำกันช่วงตี 3-4 ที่สำคัญต้องตั้งทนายเข้าไปถามค้านเพราะผลกระทบมันถึงกองทัพ ตนเคยบอกในรายการนี้แล้วว่าต้องตั้ง ฝ่ายเสื้อแดงเขามีทั้งอัยการ มีนายโชคชัย อ่างแก้ว เป็นทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมาเป็นทนายของผู้ร้องร่วมในครั้งนี้ แต่กองทัพไม่มีใครเลย คงอาจไปถามผู้พิพากษาว่าตั้งได้หรือไม่ ตั้งไม่ได้ก็ไม่ตั้ง แต่ในทางอาญานั้นอะไรที่กฎหมายไม่ได้ห้ามไว้เราทำได้ และผู้พิพากษาแต่ละคนก็เห็นไม่ตรงกัน ฉะนั้นฟังแค่คนใดคนหนึ่งไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไปหลงคารม ร.ต.อ.เฉลิม ว่าจะไต่สวนเพียงแค่ตายเพราะเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ไม่ลงลึกว่าใครทำ แต่ ร.ต.อ.เฉลิมไปคุมทนายและอัยการได้หรือ เรื่องนี้ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณเรียกพยานมาสอบเยอะมาก ถือว่าเป็นกำลังหลักในการชนะครั้งนี้เลย
จากนั้น นายสุวัตรได้สรุปคำสั่งศาลว่า ผลออกมากลายเป็นทหารชั่วร้ายมาก ทำเกินกว่าเหตุ ที่ระดมยิงรถตู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคาร์บอมบ์ โดยที่ไม่ตรวจสอบก่อน ขณะที่ นายพัน คำกอง เป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง แค่มานั่งเล่นหมากฮอสในสำนักงานขายคอนโดมิเนียม พอได้ยินเสียงปืนจึงออกไปดู แต่กลับโดนทหารยิงจนเสียชีวิต ไม่ได้เป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมแต่อย่างใด
“ซึ่งถ้าทหารมีทนายเข้าไปซักค้าน ข้อมูลตรงนี้จะเปลี่ยนเป็นว่านายพัน คำกอง เข้าร่วมชุมนุม ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องแบบนี้ แต่นี่ทหารไม่มีสิทธิพูด ไม่มีใครทำลายน้ำหนักพยานเลย พวกพูดโกหกมันก็พูดตามสบาย สร้างเรื่องเยอะแยะไปหมด แล้วทีนี้ทหารจะอ้างว่าทำตามหน้าที่ไม่ได้เลย เพราะเป็นการยิงผู้บริสุทธิ์” นายสุวัตรกล่าว
นายสุวัตรกล่าวต่อว่า นายธาริต บอกว่าคำสั่งศาลอันนี้จะนำไปสู่สำนวนฆาตกรรม ก็คือ มาตรา 288-289 ในประมวลกฎหมายอาญา พอถึงขั้นนี้ต้องมีการหาตัวผู้ต้องหา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพจะรอด เพราะจากคำสั่งให้ปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก และไม่ได้สั่งให้ยิงพวกมุงดู แต่ที่ไม่รอดคือทหาร เพราะทำเกินกว่าเหตุ มันก็จะไล่ความผิดมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ผู้สั่งการตรงนั้นมาจนถึงคนปฏิบัติการ ครั้งนี้ทหารถูกหลอก กลายเป็นแพะ แล้วผลพิสูจน์อีก 35 ศพที่จะตามมาก็จะออกมาแนวเดียวกับคดีนี้
นายสุวัตรยังกล่าวด้วยว่า รายงานของ คอป.ที่ออกมามีเนื้อหาตรงกันข้ามกับคำสั่งศาล จะเป็นแค่เศษกระดาษ เพราะไม่มีกฎหมายใดรองรับว่าเมื่อตัดสินแล้วเอาไปทำอะไรต่อ แต่ของดีเอสไอสรุปส่งอัยการไปยังศาล มันมีผลบังคับ
ด้าน พล.อ.ปรีชากล่าวว่า ทหารทำถูกแล้ว ถ้ามีคาร์บอมบ์ตนก็ยิง แล้วที่ไม่เข้าตรวจสอบ ทั้งๆ ที่จอดไว้นาน 30 นาที ก็เพราะป้องกันระวังตัวเอง ต้องรอดูท่าทีก่อน การใช้กระสุนก็มีเหตุผล เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ชัดเจนว่ามีการก่อการร้าย อีกทั้งการกระทำนี้อยู่ภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน คนที่ยิงเจตนาสุจริต ทหารยิงรถตู้ ไม่ได้ตั้งใจยิงนายพัน คำกอง แต่เขาเข้ามาเอง ตนมั่นใจว่าศาลต้องตัดสินว่าทหารไม่ผิด