รมว.ต่างประเทศ แย้มรับลูกโจกแดงรับเขตอาณาศาลโลกพิสูจน์ 98 ศพ เผาเมือง อ้างเพื่อความกระจ่าง รวมฆ่าตัดตอน ชี้ฝ่ายค้านถ้ามีใบตอบรับก็ส่งมา ปัดแก้เกมการเมือง ยันไม่ต้องลงสัตยาบันก็ได้แค่ผ่าน ครม.ทำเฉพาะกรณี ชี้พิสูจน์กันในสังคมโลกจะได้ไม่ลำเอียง
วันนี้ (17 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่าศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือไอซีซี รับคดีฆ่าตัดตอนยาเสพติดจำนวน 2,500 ศพแล้วว่า สำหรับกรณีนี้ตนก็ได้รับข้อร้องเรียนจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ไปยื่นต่อไอซีซีเรื่องคดีการสลายการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 53 จนมีผู้เสียชีวิต 98 ศพ ซึ่งเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เหมือนกัน โดยเรื่องนี้ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราน่าจะรับเขตอาณาของไอซีซีเพื่อให้พิสูจน์ความจริงกัน เรื่องนี้ถ้าฝ่ายค้านร้องมาที่รัฐบาลเหมือนที่ นปช.ร้องมาที่รัฐบาล รัฐบาลอาจจะได้มีโอกาสที่จะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณารับเขตอาณาของศาลในเฉพาะ 2 กรณีนี้เพื่อให้เกิดความกระจ่างว่าใครที่มีการทำร้ายประชาชน เพราะเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นในหลายประเทศแล้ว และก็มีนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำประเทศปัจจุบันที่ถูกขังอยู่ที่ศาล จึงอยากจะเห็นสิ่งเหล่านี้เหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการแก้เกมทางการเมืองหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการแก้เกมทางการเมือง เพราะทั้งฝ่ายค้านและ นปช.เองก็เห็นว่ามีการทำร้ายจนทำให้คนไทยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้พิสูจน์กัน เมื่อถามว่า จะรับเขตอาณาของไอซีซีเมื่อใด นายสุรพงษ์กล่าวว่า อยู่ที่ไอซีซีว่าได้ทำหนังสือมาเมื่อไหร่ และหากไอซีซีมีหนังสือกลับมายัง นปช.และฝ่ายค้านก็ขอให้ส่งมายังรัฐบาลเลยจะได้พิสูจน์กัน เพราะรัฐบาลพร้อมตลอดเนื่องจากอยากให้เกิดความเป็นธรรม
ต่อข้อถามว่า หากนำเรื่องเข้าไปที่ไอซีซี ไทยต้องประเทศสมาชิกใช่หรือไม่ รมว.ต่างประเทศกล่าวว่า ไม่จำเป็น เราสามารถรับเขตอาณาได้เฉพาะกรณี ไม่จำเป็นต้องไปลงสัตยาบัน แต่ทั้งนี้ จะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างไรก็ตาม ตนอยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อพิสูจน์กันในสังคมโลก เพราะหากพิสูจน์กันที่ไอซีซีน่าจะดีกว่าพิสูจน์กันในประเทศไทยที่อาจจะมีความลำเอียงเกิดขึ้นได้ อยากเห็นองค์กรยุติธรรมอย่าเล่นการเมือง บ้านเมืองจะได้ก้าวต่อไป วันนี้เราเสียหายมาเยอะเพราะเล่นการเมืองไม่ยอมเลิก เราเลยจุดนั้นมาแล้ว
รมว.ต่างประเทศกล่าวว่า ในการดำเนินการครั้งนี้จะทำในลักษณะการลงนามเฉพาะกรณี ตามข้อ 12 (3) ที่กำหนดให้สามารถรับเฉพาะกรณีได้ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์เพราะทั้งสองฝ่ายมีการเรียกร้อง และความเป็นธรรมก็จะเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่ายว่า ใครมีหลักฐานที่ชัดเจนกว่ากัน อย่างไรก็ตาม อยากให้ฝ่ายค้านเตรียมหลักฐานไปให้ไอซีซีให้ชัดเจนตามที่ร้องเรียนมา เพราะฝ่ายค้านคงจะเข้าใจกฎหมาย ตนก็อ่านกฎหมายฉบับเดียวกันจึงอยากจะเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น จากนี้ไม่ต้องมาผ่านสื่อเลย เอาข้อเท็จจริงมาว่ากัน
รมว.ต่างประเทศระบุอีกว่า ในส่วนของกลุ่ม นปช.เคยยื่นให้กับนายกฯ และเคยนำสำเนามาให้ตนดูเพื่อให้รับตามข้อ 12 (3) ตอนนี้ก็อยู่ที่ว่าไอซีซีมีหนังสือตอบมาหรือยัง ส่วนกรณีของพรรคประชาธิปัตย์นั้นตนยังไม่เห็นหนังสือ มีแต่หนังสือกระดาษมาโชว์ ยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ถ้ามีจริงก็ให้เอาหนังสือที่ไอซีซีส่งมาให้มาร้องกับรัฐบาลเลย เราจะได้ประกาศรับเขตอาณาเฉพาะกรณี
เมื่อถามว่า นปช.ได้มีการยื่นเรื่องนี้มานานแล้วเหตุใดจึงเพิ่งดำเนินการตอนนี้ รมว.ต่างประเทศระบุว่า ตนได้ตรวจสอบกับฝ่ายกฎหมายแล้วว่า สำหรับกรณีนี้หากมีการยื่นเรื่องให้ไอซีซีและได้มีการรับเรื่องไว้ เขาก็จะต้องมีหลักฐานให้เราก่อนว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งก็ต้องมาผ่านกระบวนการอนุมัติโดย ครม.