คนโบราณมักจะไม่พูดโอ้อวด เพราะเกรงว่าที่พูดออกไปแล้วปฏิบัติไม่ได้ คำคมของ “ขงจื้อ” น่าจะเข้ากับยุคสมัยที่เราได้รัฐบาลขี้โม้ แถมมีคนซื่อบื้อไม่รู้เรื่องปัญหาบ้านเมืองเป็นผู้นำได้เป็นอย่างดี
เพราะหากเราย้อนรอยแนวทางการบริหารจัดการน้ำที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีงบประมาณทั้งฟื้นฟู บูรณะซ่อมแซมตั้งแต่ปีที่แล้วมาจนถึงปีนี้รวมเกือบ 5 แสนล้านบาท 1.2 แสนล้านจากงบประมาณปี 55 อีก 6 หมื่นล้านจากงบกลาง และ พ.ร.ก.เงินกู้อีก 3.5 แสนล้าน ซึ่งมีผลบังคับใช้ที่สามารถสร้างหนี้ได้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยในขณะนั้นรัฐบาลชุดนี้ก็คุยโวว่ามีแผนพร้อมสรรพที่จะเดินหน้าเพื่อปรับปรุงและดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือกับน้ำท่วม
เมื่อมีเงินแต่ไร้สมอง การแก้ปัญหาจึงไม่มีความเป็นรูปธรรม
นอกจากการโกงกินทำตัวเป็น “แร้งกินน้ำ” งาบงบประมาณกันแหลกราญบนความทุกข์ยากของประชาชน ในขณะที่ตัวเลขการทุจริตงบประมาณจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาลถูกเปิดเผยโดย ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล อดีต รมว.คลังว่า ปาเข้าไป 60 - 70 % แล้วพอมีปัญหาว่า พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ อดีตเลขา ป.ป.ท. ตรวจพบการทุจริตงบเยียวยาน้ำท่วมวงเงินถึง 563 ล้านบาท ก็ถูกเด้งออกจากตำแหน่ง ขณะที่ผู้นำแฟชั่นอย่าง ยิ่งลักษณ์ มีแต่ลมปากที่พ่นออกไปอย่างไร้ความน่าเชื่อถือว่า “จะเอาจริงเอาจัง”
เพราะสุดท้ายแล้วงบประมาณ 1.2 แสนล้านที่ลงไปก่อนหน้านี้มิได้เห็นผลเป็นรูปธรรมใด ๆ ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมเหมือนราคาคุย แถมยังตรวจสอบยากเย็น ขาดความโปร่งใสโดยสิ้นเชิงด้วย
สิ่งเดียวที่เห็นเป็นรูปธรรม คือ การโฆษณาชวนเชื่อ ใช้การตลาดนำการเมือง โหมโฆษณาในสื่อหลัก สร้างภาพสวยหรูว่ารัฐบาลมีแผนที่ดีในการบริหารจัดการน้ำ เฉพาะนิทรรศการน้ำ 3 วันที่เพิ่งจัดกันไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาใช้แค่เบาะ ๆ 12 ล้าน แถมยังมีแนวคิดที่จะไปจัดสัญจรในจังหวัดน้ำท่วมซ้ำซาก แต่ดูแล้วคงต้องพับไปก่อน
เพราะเจอของจริงมาประจาน จนภาพลวงตาขาดกระจุยไม่มีชิ้นดี
เมื่อการตลาดทำท่าจะไปไม่รอด การประดิษฐ์วาทกรรมเอาตัวรอดก็เลยเข้มข้นขึ้น ตั้งแต่ “น้ำท่วมสุโขทัยเป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย” “น้ำท่วมฉับพลัน” “พื้นที่น้ำแฉะ” ฯลฯ แต่บทสรุปก็คือท่วมและประชาชนเดือดร้อน โดยที่รัฐบาลที่ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือเพราะโกหกตลบแตลงตลอดเวลา ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้
ล่าสุด ยิ่งลักษณ์ เพิ่งให้สัมภาษณ์ที่สร้างผลสะเทือนอย่างยิ่งในโลกอินเตอร์เน็ต มีการแชร์แพร่กระจายอย่างรวดเร็วกับคำพูดของผู้นำที่สรุปได้ว่า ให้ประชาชนคอยแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมในพื้นที่ตัวเองกับรัฐบาล
"ถ้าเป็นปริมาณน้ำที่เกิดจากการระบายน้ำจะพยายามควบคุม แต่ถ้ากรณีที่เป็นร่องความกดอากาศเป็นปริมาณน้ำฝนที่เยอะ อาจจะมีบ้างที่จะท่วมขังบางพื้นที่ หรือที่เรียกน้ำท่วมฉับพลันแต่การระบายจะทำได้เร็วกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน สิ่งที่อยากฝากพี่น้องประชาชนคือว่า อย่างแรกอาจจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับน้ำ ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับสุโขทัย แจ้งเราล่วงหน้า เราจะได้เข้าไปทำงานในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ขณะเดียวกันอยากจะขอให้ในส่วนของการเตือนที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติได้มีการเตือนภัยไป อยากให้ประชาชนได้ระมัดระวังและออกจากพื้นที่ เพื่อจะเป็นการช่วยเรื่องของชีวิตความปลอดภัยของประชาชน"
เป็นเวรเป็นกรรมของประเทศนี้อย่างยิ่งที่มีผู้นำอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะถ้าย้อนกลับไปสักเดือนที่แล้วจะเห็นทั้งนายกรัฐมนตรีและลิ่วล้อออกมาการันตีกันแข็งขันว่า น้ำไม่ท่วม ถึงขั้นจัดนิทรรศการน้ำโชว์ แถมจะทดสอบลองท่วมกรุง แต่ถูกพระพิรุณเบรคหัวทิ่มทำให้ไม่ได้ทดสอบในวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา
กระทั่งเกิดน้ำท่วมในหลายจังหวัด ทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจของสุโขทัย เป็นภาพประจานไปทั่วโลก รัฐบาลจึงเพิ่งตื่นตัวหลังจากหายใจทิ้งขว้าง ใจจดใจจ่ออยู่แต่กับการทำทีโออาร์ในโครงการอภิมหาโปรเจกต์จากเงินกู้ 3.5 แสนล้าน แต่ของจริงที่ปรากฏให้เห็นฟ้องประชาชนว่า รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรอย่างเป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ต้องจมน้ำ
มีแต่คอยจ้องงาบงบจากโครงการที่มีชื่อ “เจ๊ ด.”อ้าปากรองับเกือบจะทุกหน่วยงาน
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธาน คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) บอกประชาชนไม่ต้องห่วง น้ำในเขื่อนปีนี้ต่ำกว่าปีที่แล้ว 1% ต่อให้น้ำเท่าปีที่แล้ว ก็จะไม่เท่าปีที่แล้ว ผมจะไม่ตอบว่าน้ำท่วมให้ทำไง เพราะน้ำจะไม่ท่วม ถุงทรายโยนทิ้งไป เรือก็ไม่ได้ใช้เพราะไม่มีน้ำให้เรือแล่น ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ น้ำจะไม่ท่วมปีนี้ แต่ถ้าถามหลักในการเตรียมพร้อมของประชาชน คือฟังข้อมูลจากราชการ และขอให้เชื่อเรา
เพิ่งคุยโวไปขี้ฟันยังไม่ทันหายเหม็น น้ำก็ท่วมมาถึงเดือนกันยายนนี้ 22 จังหวัด หนักบ้างเบาบ้าง แต่ทุกที่เขาก็ใช้ถุงทราย ไอ้ที่หนักก็ต้องใช้เรือ เพราะน้ำมันท่วมปีนี้ไม่ใช่ไม่ท่วมอย่างที่ปลอดประสพคุยโว
แถมล่าสุด ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เตรียมของบประมาณเพิ่งเติมจัดซื้อ“หิน-บิ๊กแบ็ก-ถุงยังชีพ-ชีตไพล์” ล่วงหน้า
ขนาดรัฐมนตรีในรัฐบาลเดียวกันเขายังไม่เชื่อข้อมูลของปลอดประสพที่บอกว่าน้ำไม่ท่วม เพราะนอกจากจะไม่กล้าโยนถุงทรายทิ้ง ล่ามโซ่เรือไม่ต้องเอามาใช้แล้ว ยังจะของบประมาณไปจัดซื้อสารพัดอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วมด้วยพวกเดียวกันยังไม่เชื่อถือ แล้วประชาชนจะเชื่อมั่นได้อย่างไร
นอกจากทำใจรอวันได้ทะเบียนรถสวยจากใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “จม 2555” อยู่กัน “กลางน้ำสไตล์” โดยคนไทยคือนักกีฬา “ธาราลิมปิค” ส่วนเหรียญไม่มีจะมอบให้ นอกจากเงินเยียวยาที่ต้องใช้ความอดทนในการรอคอย ดีมั้ยค๊าาา