สะเก็ดไฟ
“ปู” วีน ไม่รู้สุโขทัย “จม” เป็นพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ที่คนไทยได้อ่านแล้วคงอดสังเวชประเทศไทยไม่ได้
ยิ่งเมื่ออ่านเนื้อหาที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นได้แค่ผู้นำแฟชั่น แสดงออกใน ครม. ตามที่มีการรายงานข่าวออกมาว่า เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด กระทั่งคนสุโขทัยระทมทุกข์หนักเป็นข่าวใหญ่โต
เนื่องจากภาพมันฟ้องประจานไปทั่วว่า “เอาไม่อยู่” ถึงได้จมทั้งเมือง และกำลังต้องลุ้นว่าจะท่วมกันทั้งประเทศอีกระลอกหรือไม่ แต่คนเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจีบปากจีบคอพูดมาตลอดว่าห่วงใยประชาชน ไม่รู้ว่าคนไทยส่วนหนึ่งกำลังต้องลอยคอใช้ชีวิตกลางน้ำ เพิ่งมารู้จากข่าวทีวี
แถมไอ้ที่โมโหก็เพราะทีวีดันเสนอข่าวจนทำให้คนรู้สึกว่าน้ำท่วมมากมายมหาศาลไปทั้งประเทศ จึงเกิดความกังวลใจเกี่ยวกับภาพพจน์ของตัวเอง หาใช่เป็นความห่วงใยอย่างแท้จริงไปยังประชาชนไม่
นี่คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย!
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ไม่เพียงไร้ความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ แต่เธอยังไร้หัวใจและสำนึกที่ดีต่อบ้านเมืองอย่างสิ้นเชิงด้วย
ไม่ใช่แค่ยิ่งลักษณ์คนเดียว แต่ต้องเรียกว่าเป็นทั้งรัฐบาล ไล่จากหัวยันหาง โดยในที่นี้จะยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนเฉพาะเรื่องน้ำท่วมเพื่อจะได้ทำใจเสียแต่เนิ่น ๆ ว่า รัฐบาลนี้ไม่มีทาง “เอาอยู่” ถ้าน้ำมามากอย่างปีที่แล้ว จึงเหลือเพียงอย่างเดียวคือ “ต้องเอาออก” เท่านั้น
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทุ่มงบประมาณ 12 ล้าน จัดงานนิทรรศการน้ำ 31 ส.ค.-2 ก.ย. 55 ซึ่งในช่วงเวลานั้นก็เริ่มมีน้ำท่วมประปรายในหลายพื้นที่แต่ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โต รัฐบาลก็เลยทำเสมือนกับว่าปัญหาไม่เกิด แถมยังเอาการตลาดมาหลอกคนไทย
ว่ามีระบบจัดการปัญหาที่สมบูรณ์แบบพร้อมรับมือกับทุกสภาพปัญหา กระทั่งมีแผนทดสอบท่วมกรุงเทพด้วย แต่เทวดาไม่เป็นใจเลยทำได้แค่วันเดียวคือวันที่ 5 ก.ย.แต่ต้องพับแผนที่จะระบายน้ำท่วมกรุงในวันที่ 7 ก.ย.ลงไป
ในห้วงเวลาที่มีการทดสอบการระบายน้ำวันที่ 5 ก.ย. เกิดปัญหาน้ำท่วมแปลงข้าวราปรังในตำบลบ้านสร้าง และตำบลสามเรือน อ.บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยชาวบ้านระบุว่าเป็นผลกระทบจากน้ำในคลองระพีพัฒน์ เนื่องจากมีการเร่งผันน้ำเข้ากรุงเทพตามแผนทดสอบการระบายน้ำของรัฐบาลทำให้นาข้าวกว่าพันไร่ที่กำลังออกรวงแก่จมน้ำต้องลอยคอเกี่ยวข้าว
ทันทีที่เกิดปัญหากับชาวนา คนในรัฐบาลก็ออกมาตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง แต่ไม่เคยมีแม้แต่คนเดียวที่จะบอกว่าจะดูแลเยียวยาชาวนาอย่างไร นอกจากคิดปัดสวะแบบคนที่ไร้ความรับผิดชอบเท่านั้น แถมยังเป็นการพูดที่ยิ่งทำให้คนไทยได้รู้เช่นเห็นชาติว่าข้าราชการรับใช้การเมืองเป็นอย่างไร และนักการเมืองที่ไร้หัวใจให้ประชาชนนั้นมันแย่แค่ไหน
รอยล จิตรดอน ประธานคณะอนุกรรมการติดตาม วิเคราะห์สถานการณ์น้ำและจัดสรรน้ำ ในคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) แก้ตัวว่า จุดที่ชาวบ้านอ้างว่าได้รับผลกระทบนั้นอยู่ในพื้นที่คลองระพีพัฒน์แยกตก ซึ่งไม่อยู่แผนผังการทดสอบการระบายน้ำที่คณะกรรมการรวางใว้คือระพีพัฒน์ด้านใต้และจะปล่อยลงมาในคลอง2 แล้วหลังจากนั้นค่อยระบายลงมาคลองหกวาสายล่าง เพราะฉะนั้นจึงเป็นคนละเส้นกับที่จะทดสอบน้ำ
แต่สิ่งที่ “รอยล” พูดนั้น ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏก่อนหน้านี้ตามผังการระบายน้ำที่ กบอ.เป็นคนเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน ซึ่งระบุชัดว่จะมีการผันน้ำไปทั้งสองฝั่งคือ ทั้งคลองระพีพัฒน์แยกตกและแยกใต้ นอกจากนี้ยังขัดแย้งกับสิ่งที่ ปลอดประสพ สุรัสวดี ประธาน กบอ. ระบุเมื่อวันที่ 30 ส.ค.55 อย่างชัดเจนว่าจะ “ผันน้ำมาทางคลองระพีพัฒน์แยกตกเข้าคลองสอง...”
ข้าราชการที่เคยคิดว่าเป็นคนดีอย่าง รอยล จิตรดอน ยังโกหกซ้ำให้จับได้อีกครั้ง หลังออกมาแก้ตัวเรื่องน้ำท่วมที่นครสวรรค์ว่าเป็น น้ำหลากไม่ใช่น้ำล้น และอ้างว่า กบอ.ไม่เคยตรวจพบเรื่องปัญหาน้ำล้นตลิ่ง ซึ่งขัดกับความจริงโดยสิ้นเชิง เพราะศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติมีการแจ้งเตือนประชาชนในหลายพื้นที่เป็นระยะให้ระวังน้ำล้นตลิ่ง และมีหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเช่นหลายอำเภอในอยุธยา อย่าง บางบาล เสนา เป็นต้น
เลวร้ายไปกว่านั้น คือ นักการเมืองไร้ราคายังร่วมกันโกหกประชาชนทำเหมือนคนไทยไม่ใช่คนที่มีสติปัญญา โดย ปลอดประสพ ออกมาระบุว่า ที่มีการกล่าวหาว่าน้ำท่วมที่อ.วังน้อย อยุธยา เป็นผลจากการทดสอบน้ำนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมกับข้อแก้ตัวอื่นๆ ตามมามากมายโดยอ้างว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่น้ำจะไหลขึ้นไปทางเหนือคลองระพีพัฒน์
ตลกร้ายสำหรับประเทศนี้จริงๆ ที่ไม่มีนักข่าวแม้แต่รายเดียวแย้ง ปลอดประสพว่า พื้นที่น้ำท่วมในช่วงเวลานั้น คือ บางปะอิน ไม่ใช่ วังน้อย สิ่งที่สื่อมวลชนทำคือนำเสนอคำพูดโกหกของปลอดประสพ โดยไม่โต้แย้งว่าไม่ใช่ความจริง
ในขณะที่คนไทยก็น่าจะมีคำตอบว่า ประเทศนี้จะอยู่รอดได้หรือไม่ ถ้ารัฐบาลใช้วิธีแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยการ “ปั้นน้ำเป็นตัว”
