“อภิสิทธิ์” ควง “ชวน” พร้อมแกนนำ ปชป.ลุยเยี่ยมชาวอ่างทอง อยุธยา ที่ถูกน้ำท่วม ชาวบ้านโวยรัฐเมินช่วยเหลือ งบไม่ถึงพื้นที่ “มาร์ค” โวยช้งบฯ 1.2 แสนล้านป้องกันน้ำท่วม แต่กระจายไม่ทั่วถึง แผนต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ระบบเตือนภัย และการอพยพล้มเหลวทั้งๆ ที่น้ำมาน้อย ค้านแนวคิด “ปลอดประสพ” ใช้วิธีให้น้ำผ่านกรุงเทพฯ ลงทะเล แนะให้ไปดูระบบการระบายน้ำ และชลประทานในอดีตเขาทำกันอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายอลงกรณ์ พลบุตร นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค และคณะ เดินทางลงพื้นที่ ต.บางโผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เพื่อเยี่ยมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม และมอบถุงยังชีพ พร้อมให้กำลังใจชาวบ้าน
จากนั้นได้เดินทางต่อไปตรวจศาลากลางน้ำท่วมที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบว่า น้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของประชาชนเป็นวงกว้าง โดยระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ขณะที่ชาวบ้านต้องอพยพออกจากบ้าน โดยบางส่วนอาศัยศาลาและจับจองที่บริเวณริมถนนเพื่อเป็นที่พักชั่วคราว ทั้งนี้ ชาวบ้านเล่าว่า แม้น้ำฝนจะไม่ตกหนักเท่าปีที่แล้ว แต่ปริมาณน้ำกลับเพิ่มอย่างรวดเร็ว โดยบางคืนสูงถึง 50 ซม.ทำให้ขนย้ายสิ่งของไม่ทัน ประกอบกับไม่มีการแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานใดทั้งสิ้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวภายหลังพบชาวบ้านและมอบถุงยังชีพว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์จะติดตามพื้นที่เกิดเหตุแล้ว โดยให้ความช่วยเหลือเพื่อเสริมจากฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน รวมถึงติดตามการคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่ง 2 จุดที่ตนได้ลงพื้นที่ ชาวบ้านได้สะท้อนมาว่าสิ่งที่ต้องการมากที่สุด คือ อยากให้รัฐเร่งคลี่คลายสถานการณ์ก่อนที่น้ำจะมาอีกระรอกหนึ่ง เพราะจากสภาพการทางเหนือนั้นน้ำจะมาสมทบอีก ซึ่งพรรคจะติดตามการทำงานเพื่อสะท้อนปัญหาไปยังรัฐบาล โดยปัญหาที่พบตรงกันทั้งสองจุดคือ แม้ปริมาณน้ำจะน้อยแต่น้ำขึ้นเร็วมาก ชาวบ้านเตรียมตัวไม่ทัน
นอกจากนี้ยังต้องติดตามว่างบประมาณจำนวนมาก 1.2 แสนล้านบาท ที่ขอจากสภาไป โดยเฉพาะงบกลางในเรื่องน้ำท่วม ได้นำมาลงทุนเพื่อแก้ปัญหาและป้องกันน้ำท่วมอย่างไร เพราะทั้งสองจุดนี้ไม่ได้รับงบประมาณเลย
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การที่รัฐบาลพูดมาโดยตลอดว่า มีการแก้ปัญหาทั้งระบบแล้ว จึงไม่สอดคล้องกับความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์จะเป็นตัวสะท้อนว่า รัฐบาลมีความพร้อมจริงหรือไม่ เพราะหาก จ.สุโขทัยเป็นเหตุสุดวิสัย หรืออุบัติเหตุ แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็ยังไม่เห็นว่าเงินที่ใช้ลงทุนจะนำมาช่วยแก้ไขอย่างไร เช่นเดียวกับการพูดถึงแผนต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ การเตือนภัย และการอพยพ แต่พอเกิดเหตุการณ์จริงระบบการบริหารก็ไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่ปริมาณน้ำน้อยกว่า แต่ประชาชนก็ยังได้รับความเดือดร้อนและเสียหายไม่ต่างจากเดิม จึงอยากให้รัฐบาลเร่งรัดในเรื่องการจ่ายเงินชดเชยเยียวยา โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตร เพราะในขณะนี้ปัญหายังเกิดขึ้นเพียงบางจุด จึงต้องเร่งสำรวจความเสียหาย มิเช่นนั้นหากปัญหาขยายวงกว้าง จะยิ่งเกิดความล่าช้า
นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ในฐานะประธาน กบอ.ที่จะใช้แนวทางผันน้ำเหนือผ่านกทม.ออกสู่ทะเล เพราะในปีที่แล้วที่เกิดปัญหา ก็เกิดจากแนวคิดเช่นนี้ ทั้งที่ไม่ใช่แนวทางที่ระบบวางไว้ เนื่องจากระบบที่มีอยู่ไม่ได้วางไว้เพื่อให้ผันน้ำเหนือเข้ามา จึงควรทบทวนเรื่องนี้
ส่วนที่ นายปลอดประสพระบุว่าจะไม่ดำเนินการตามข้อเสนอของนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ที่เสนอให้ผันน้ำออกไปทางฝั่งตะวันออก โดยระบุว่าเป็นการวางยานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนอยากให้นายปลอดประสพพิจารณาจากสภาพความจริง และน่าจะทราบดีว่าการลงทุนในอดีตที่ผ่านมาระบบการระบายน้ำและการชลประทาน เชื่อมโยงกันอย่างไร ไม่เคยมียุคไหนที่จะเอาน้ำผ่านกรุงเทพฯ เป็นหลักเพื่อลงทะเล
“กทม.และรัฐบาลไม่ควรเกิดความขัดแย้งกัน ผมอยากให้ทั้งสองฝ่ายหารือทำความเข้าใจกัน เพื่อบริหารงานร่วมกัน โดยยึดตามหลักวิชาอย่าสร้างประเด็นการเมือง ซึ่งผมยืนยันว่า กทม.ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ หรือนายธีระชน ไม่เคยเอาเรื่องการเมืองเป็นตัวตั้ง อย่างเช่นสัปดาห์ที่แล้วมีกระทู้ถามเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ฝ่ายค้านถามในเรื่องเทคนิควิชาการไม่มีเรื่องการเมือง แต่ฝ่ายรัฐบาลกลับตั้งกระทู้ถามเพื่อให้เกิดการกล่าวหา กทม. และใช้คำพูดว่า คลองลาดพร้าว คลองเดียวจะเป็นจะตาย ทั้งที่มีหลักวิชารองรับว่าเป็นเส้นทางที่อาจเกิดปัญหา จึงอยากขอเรียกร้องรัฐบาลให้หยุดเลิกเล่นการเมือง เพราะกทม.ต้องการแก้ปัญหา และผมเชื่อว่าผู้ว่าฯ กทม. พร้อมให้ความร่วมมือ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วย”