หน.เพื่อไทยเผย ต.ค.นี้เปิดตัวผู้สมัครแน่ รู้งานหนุน “พี่หญิงอ้อ” เหมาะสม คน กทม.ยอมรับ แต่ขึ้นอยู่กับเจ้าตัว ด้าน ปชป.ยังไม่คุยว่าจะส่งใคร เตรียมประชุม 14 ก.ย. “กรณ์” เผยขึ้นอยู่กับมติพรรคถ้าให้ลงก็พร้อม ชี้แม้ให้คนเก่าลงสมัครแต่พรรคไม่จำเป็นต้องส่งคนเดิม
วันนี้ (10 ก.ย.) ความเคลื่อนไหวในการวางตัวผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีรายงานว่าที่กระทรวงมหาดไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าของพรรคในการส่งคนลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ว่าเดือนตุลาคมนี้จะทราบในตัวผู้สมัครอย่างแน่นอน เพราะช้าไปก็ไม่ดี ยิ่งช้าเวลาที่จะไปหาเสียงก็น้อยลง ส่วนแคนดิเดตนั้นก็เป็นไปตามที่สื่อได้ลงไว้
เมื่อถามว่าจากกรณีที ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ออกมาสนับสนุน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ลงสมัคร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่าทุกคนก็สนับสนุนแต่อยู่ที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ก็เป็นคนที่เหมาะสม ทุกอย่างทั้งประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับของประชาชนในกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังมีผลงานเป็นที่ประจักษ์
เมื่อถามว่าในส่วนของ ส.ส.ใน กทม.ของพรรคเพื่อไทยก็ยังคงให้การสนับสนุน คุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธุ์ นายยงยุทธกล่าวว่า ท่านก็ได้ประกาศตัวแล้วว่าท่านไม่สมัครใจในการลงสมัครครั้งนี้เนื่องจากต้องการทำงานในพุทธศาสนาไปก่อน แต่ทั้งนี้คนอื่นๆ ก็ยังมีโอกาสอยู่ ไม่ใช่ว่าไปปิดกั้นอะไร เพราะว่าเดี๋ยวดูให้ละเอียด ทั้งในส่วนของกรรมการของ กทม. และทางนายกรัฐมนตรีจะดูในส่วนของกรรมการบริหารพรรคจึงจะได้ข้อยุติ ซึ่งต้องเร็วเพราะช้าไปจะเสียโอกาสในการหาเสียง ยืนยันว่าทางพรรคต้องเลือกคนที่ดีที่สุดเพราะเลือกไปก็ต้องหวังว่าจะชนะ
เมื่อถามว่าได้มีการไปเชิญบุคคลภายนอกมาหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ก็ได้ไปทาบทามมาหลายคน ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้เพราะยังไม่ทราบว่าเจ้าตัวเขารับหรือตอบปฏิเสธ ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาหนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ให้ลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัยทางพรรคมองว่าอย่างไร นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่เป็นไร ก็เป็นเรื่องของพรรคไหนพรรคคนนั้นไม่วิจารณ์กัน
อีกด้านหนึ่ง ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาค กทม. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการกิจการกรุงเทพมหานคร โดยมีนายเฉลิม ชัยศรีอ่อน เลขาธิการพรรค, นายณัฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม. และผู้อำนวยการพรรค พร้อมด้วย ส.ส.ภาค กทม. และบรรดารองผู้ว่าฯ กทม. เช่น พญ.มาลินี สุขเวชวรกิจ, นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ได้ร่วมประชุม ซึ่งมีตัวแทนของสาขาพรรค ส.ก. ส.ข. ส.ส.กทม. และกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง
โดยที่ประชุมหารือถึงเรื่องการทำงานของกรุงเทพมหานคร และนโยบายเร่งด่วนที่จำเป็นต้องดำเนินการในช่วงนี้จนถึงช่วงหมดวาระของผู้ว่าราชการ กทม. เช่น การป้องกันน้ำท่วมโดยประสานกับ ส.ส.ในพื้นที่ กทม.เขตต่างๆ และการประเมินผลงาน นโยบายที่ผ่านมาที่สำเร็จที่เป็นจุดแข็งแต่ถูกพรรคเพื่อไทยนำมาโจมตี เช่น อุโมงค์ระบายน้ำ ทางลอดข้ามแยก เพื่อตอบสนองความต้องการของคน กทม. โดยที่ประชุมวันนี้ยังจะไม่มีการพูดถึงตัวบุคคลว่า พรรคจะส่งใครจะลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ติดภารกิจที่ต่างประเทศ โดยจะมีการนัดประชุมร่วมกับ กก.บห.อีกครั้งในวันที่ 14 ก.ย.
นายกรณ์กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีการพูดถึงตัวผู้ที่จะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรค โดยในวันศุกร์ที่ 14 ก.ย.นี้จะมีพูดคุยเรื่องนี้ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งทางพรรคได้มอบหมายให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ไปดำเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้ว และจะมีการรายงานให้ที่ประชุมรับทราบต่อไป ส่วนกรณีที่มีชื่อตนเป็นแคนดิเดทในการลงชิงตำแหน่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.นั้น ตนเคยพิจารณาในเรื่องนี้ตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้วว่าตัดสินในว่าจะทำงานในระดับชาติด้วยการเป็น ส.ส.และยึดหลักการนี้มาตลอด แต่วันนี้หากถามว่าจะไปทำงานในระดับผู้ว่า กทม.หรือไม่นั้น ก็ต้องอยู่ที่มติคณะกรรมการบริหารพรรค
“ผมเป็น ส.ส.กทม.มา 2 สมัย มีความคุ้นเคยกับชาว กทม.และพร้อมที่จะสนับสนุนบุคคลของพรรคที่จะลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ต่อไป ผมเชื่อว่าพรรคจะคัดเลือกบุคคลที่ทำงานเป็นประโยชน์ให้คน กทม.มากที่สุด ซึ่งผมคิดว่าไม่ว่าใครในพรรคก็สามารถทำงานให้คนได้ กทม.ทั้งสิ้น อีกทั้งขณะนี้ตัวผู้สมัครยังอยู่ในกระบวนการก็ต้องพิจารณากันว่าใครจะเหมาะสม แต่หากจะพิจารณาก็คงต้องพิจารณาตัวบุคคลที่เป็นผู้ว่าคนเก่าก่อน คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” นายกรณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะรองหัวหน้าพรรคคิดว่าผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคต้องเป็นคนเดิมหรือไม่ นายกรณ์กล่าวว่า ตนเห็นว่าก็ไม่จำเป็น เพราะว่าสถานการณ์ต้องขึ้นอยู่กับมติของกรรมการบริหารพรรคในขณะนี้ว่าเป็นอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากกรรมการบริหารพรรคมีการเคาะออกมาแล้วว่า ให้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. นายกรณ์กล่าวว่า ก็ต้องทำตามมติของพรรคเพราะพรรคเราเป็นพรรคประชาธิปไตย ทำงานอย่างมีระเบียบวินัย