“อภิสิทธิ์” บินพบอดีตนายกฯ มาเลเซียคุยสร้างสันติภาพอาเซียน แนะดูต้นตอปัญหา ให้ความเป็นธรรมในแง่ กม. เคารพเสรีภาพตาม ปชต. ยกปัญหาไฟใต้-การเมือง ย้ำเรื่องภายใน จี้แก้ไขปัญหาขายที่ดินชาวพุทธใน จชต.หลังพระราชินีทรงเป็นห่วง ชี้ รบ.ต้องเป็นที่พึ่ง ปชช. ยัน “ค้อนปลอม” ต้องลาก “ปู” มาถกแก้ไฟใต้ ซัด “เฉลิม” ไม่เคยลงพื้นที่ยังปากพล่อย อัดจ้องทะเลาะถึงไม่อยากคุยด้วย
วันนี้ (7 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเดินทางไปปาฐกถา หัวข้อ Keynote Speaker WLeaderrship’s Vision on Peace,Conflict Resolution and Peace-Building in ASEAN Countrirs ในการประชุมวิชาการนานาชาติ The International Conference on Political Science and Public Administration in ASEAN 2012 ร่วมกับ ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐมาเลเซีย ว่า เป็นการพูดถึงกระบวนการสร้างความสันติสุข สันติภาพในภูมิภาคอาเซียน โดยตนจะชี้ให้เห็นว่าความขัดแย้งและปัญหาความรุนแรงในภูมิภาคนี้หลายจุดยังเป็นปัญหาที่ไม่สามารถจัดการความหลากหลายที่มีอยู่โดยธรรมชาติได้ ทั้งเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ หรือความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน หัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาไม่ใช่การมองในด้านความมั่นคงอย่างเดียว ส่วนใหญ่มาจากเรื่องการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม หรือระบบซึ่งไม่ทำงานอย่างที่ควรจะเป็นในแง่การเคารพสิทธิเสรีภาพหรือหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้น แนวทางแก้ปัญหาต้องเน้นการมีส่วนร่วม ความเข้าใจต้นตอของปัญหา และผู้ที่เป็นผู้นำทางการเมืองต้องมีความจริงจัง และมีเจตนารมณ์แน่วแน่ในการผลักดันมาตรการเหล่านี้ โดยกรณีของประเทศไทยจะยกตัวอย่างภาคใต้ และความขัดแย้งทางการเมืองด้วย นอกจากนั้น ในภูมิภาคตนจะเน้นว่าอาเซียนต้องคิดถึงรูปแบบของกลไกที่หลากหลายในการช่วยแก้ปัญหา เพราะจากความขัดแย้งที่มีอยู่ระหว่างประเทศสมาชิกนั้นปัญหายังไม่ได้คลี่คลายลง แต่ปัญหาของประเทศไทยเป็นปัญหาภายในที่ไม่จำเป็นต้องใช้กลไกอาเซียน เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงแนวคิดแนวทางแก้ปัญหาเท่านั้น
ส่วนกรณีที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเป็นห่วงเกี่ยวกับการขายที่ดินในพื้นที่ภาคใต้ของชาวไทยพุทธนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องจับตาว่ามีปัญหาลุกลามบานปลายแค่ไหนอย่างไร และส่งผลอย่างไร ซึ่งหลายท้องถิ่นก็ติดตามอยู่แล้ว เช่นที่ยะลาก็มีการช่วยแก้ปัญหาในระดับหนึ่งด้วย ทั้งนี้เห็นว่าปัญหาการย้ายออกนอกพื้นที่จะแก้ได้ก็ต่อเมื่อรัฐให้ความมั่นใจต่อชุมชนได้ว่ามีความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ เพราะหากอำนาจรัฐไม่เข้มแข็งก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมา เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการแก้ไข พรรคประชาธิปัตย์จึงเรียกร้องมาตลอดว่าต้องมีรัฐมนตรีเข้าไปเกาะติดสถานการณ์ เพราะถ้าปล่อยให้ประชาชนอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวก็จะไม่ได้รับความร่วมมือในการได้ข้อเท็จจริงที่จะคลี่คลายคดีหรือแก้ปัญหา และถ้ามีการย้ายออกก็จะทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น การที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่นราธิวาสก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ยืนยันว่าควรจะมีการมอบหมายฝ่ายนโยบายคนใดคนหนึ่งไปเกาะติดสถานการณ์ในพื้นที่
สำหรับความคืบหน้าที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะประสานกับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เดินทางมารับฟังการอภิปรายในญัตติปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่พรรคยื่นไว้ในสภานั้น ได้รับแจ้งว่านายกรัฐมนตรีอยู่ในระหว่างการปรึกษากับฝ่ายความมั่นคงและจะให้คำตอบเร็วๆ นี้ เชื่อว่าหลังกลับจากรัสเซียน่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนขึ้น และคงไม่ใช่การมอบหมายให้รองนายกฯ มารับฟังแทน เพราะได้คุยชัดเจนกับนายสมศักดิ์ว่าจำเป็นต้องให้นายกรัฐมนตรีมารับฟังและแลกเปลี่ยนด้วยตนเอง
นายอภิสิทธิ์ยังตำหนิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุว่าเรื่องภาคใต้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและพูดในทำนองให้คนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเห็นว่าเป็นการใช้ทัศนคติที่ไม่ถูกต้องและทำให้การแก้ปัญหาเดินไปได้ยาก เนื่องจากถ้าทำทุกเรื่องให้เป็นการทะเลาะเบาะแว้งทางการเมืองก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ และนี่เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมพรรคจึงไม่ไปร่วมประชุมกับ ร.ต.อ.เฉลิม แต่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีมาร่วมรับฟังญัตติในสภาจะดีกว่า เพราะตนก็ไม่ทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิม ทำหน้าที่แค่ไหนในกรณีปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ เพราะโครงสร้างตามกฎหมายก็ไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบ และยังมีรองนายกฯ อีกสองคนดูแล อีกทั้ง ร.ต.อ.เฉลิมก็ตัดสินใจไม่ลงพื้นที่แน่นอน สิ่งที่เราอยากให้นายกรัฐมนตรีมารับฟังเพราะต้องเริ่มต้นจากการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีก่อนว่ากลไกและบุคคลที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาควรจะอยู่ในลักษณะไหน อย่างไร แต่ถ้าเป็นเรื่องให้ ร.ต.อ.เฉลิมมาฟังก็คงไม่มีประโยชน์
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่าที่ไม่ลงใต้เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ขึ้นเหนือนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พวกตนไปแต่ ร.ต.อ.เฉลิมกลับไม่ดูแลความสงบเรียบร้อยเวลาที่พวกตนลงพื้นที่ทั้งที่เป็นหน้าที่ของ ร.ต.อ.เฉลิม และยืนยันว่าเราตั้งใจลงพื้นที่ตลอดจนกระทั่งมีข่าวการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ออกมาเป็นระยะ ทั้งนี้เห็นว่าหาก ร.ต.อ.เฉลิมมีทัศนคติเช่นนี้ยิ่งทำให้การแก้ปัญหาทำได้ยากขึ้นในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างสร้างสรรค์