ดีเดย์วันนี้จ่าย 30 บาทรักษาทุกโรค รองโฆษกรัฐบาลอ้างเพื่อสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจแก้ผู้ป่วย และกระตุ้นให้สถานพยาบาลพัฒนาคุณภาพบริการให้ดีขึ้น
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคยุคใหม่ ซึ่งจะเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ก.ย.นี้ เป็นต้นไปว่าให้ประชาชนร่วมจ่ายค่าธรรมเนียม 30 บาท จะดำเนินการเฉพาะการรักษาในโรงพยาบาล ตั้งแต่โรงพยาบาลชุมชนขึ้นไป จนถึงโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ รวมทั้งโรงพยาบาลสังกัดอื่น และโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ในกรณีเดียว คือ เฉพาะรายที่ได้รับยาเท่านั้น ซึ่งในกลุ่มผู้ที่มีบัตรทอง 30 บาทที่อยู่ในข่ายร่วมจ่ายมี 25.9 ล้านคน หากไม่รับยาไม่ต้องจ่ายค่าบริการ
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า การร่วมจ่ายค่าธรรมเนียม 30 บาทตามนี้จะเป็นการสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจแก่ผู้รับบริการ และเป็นการกระตุ้นให้สถานพยาบาลทุกระดับ เกิดการพัฒนาคุณภาพบริการให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ให้ครอบคลุมการดูแลประชาชน ให้สามารถเข้าถึงบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน การรักษาโรคไต เอดส์ อาหารสุขภาพในโรงพยาบาล โดยเฉพาะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ส่วนผู้ที่ใช้บริการตรวจโรค หรืออื่นๆ เช่น ทำแผล ฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลที่กล่าวมา ที่ไม่ได้รับยา รวมทั้งใช้บริการที่ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง ศูนย์สุขภาพชุมชนในถิ่นทุรกันดาร และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล หรือ รพ.สต. ทั่วประเทศ ยังเป็นการให้บริการฟรีทั้งหมดเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลก็ได้เปิดช่องกรณีหากประชาชนไม่ประสงค์จะร่วมจ่าย ก็สามารถสงวนสิทธิ์ได้ โดยในปีงบประมาณ 2556 นี้ รัฐบาลได้จัดสรรงบรายหัวในโครงการ 30 บาท ในอัตรา 2,755.60 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 หัวละ 209.12 บาท นี่ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญด้านหลักประกันสุขภาพ ที่รัฐบาลนี้พร้อมดูแลพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ 30 บาทรักษาทุกโรค ยุคใหม่ จะทำให้ประชาชนทุกคนได้รับบริการอย่างมีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม มีการบูรณาการสิทธิของผู้ป่วยที่พึงได้รับจากระบบประกันสุขภาพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน ตลอดจนส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยและคุ้มค่าต่อการให้บริการ มาใช้ให้แพร่หลาย รวมทั้งจัดให้มีมาตรการลดปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อสุขภาพและภาวะทุพโภชนาการที่นำไปสู่การเจ็บป่วยเรื้อรัง มีหมอใกล้บ้านใกล้ใกล้ใจ มียาดีใช้เพียงพอ ไม่รอรักษา
