รายงานการเมือง
ทยอยแต่งตั้งโยกย้าย กันไปบ้างแล้ว สำหรับหัวแถวข้าราชการ ปีนี้หลายกระทรวงถึงคราวต้องเปลี่ยนปลัดใหม่ เนื่องเพราะเกษียณอายุราชการ นับไปนับมาเกือบ 10 กระทรวง ไม่นับรองปลัด อธิบดีอีกเกือบ 100
แน่นอนว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับหัวๆ แรงกระเพื่อมต้องเกิดขึ้น จะมากหรือน้อยเท่านั้น หลายครั้งหลายที ก็มีเอฟเฟกต์ไปถึงรัฐบาลเลยทีเดียว
กระทรวงเล็กๆ ไร้ผลประโยชน์ ก็ไม่ค่อยวุ่นวายอลเวง แต่กระทรวงใหญ่ๆ หนีไม่พ้นข่าวคราวฉาวโฉ่ แก่งแย่ง แทงกันไส้ปลิ้น ข้าราชการยุคนี้ส่วนใหญ่ไม่ต่างจากนักการเมือง ระบบวิ่งเต้น เส้นสาย เด็กนาย เด็กเจ๊ ใครไม่มีแบ๊ก “โตยาก ตายเร็ว”
เป็นวัฒนธรรมอุบาทว์ที่นับวันยิ่งฝังรากลึก คนดีๆ ทำงานซื่อสัตย์สุจริต ไม่ไปเลียแข้งเลียขานักการเมือง หวังเติบโตตามเส้นทางด้วยฝีมือการทำงาน ถูกถีบกระเด็นหลุดวงโคจร ข้อหากระด้างกระเดื่อง ซ้ำเจอ “คนนินทา หมาดูถูก” เพื่อนข้าราชการด้วยกันเองมองเป็นสิ่งแปลกปลอม เป็นข้าราชการยุคหินไปเสียฉิบ!!
คิดแล้วก็อนาถหัวใจ ข้าราชการไทยต่อไปจะไปพึ่งหวังอะไรได้ นอกจากจะเป็นลูกไล่นักการเมืองแล้ว หลายครั้งการได้ตำแหน่งมาต้องแลกด้วยปัจจัย กระสุนดินดำ แล้วจะมีกะจิตกะใจทำอะไรให้ประชาชน นอกจากคิดเรื่องถอนทุนให้ตัวเองก่อน...
กระทรวงใหญ่ๆ อย่างกลาโหมปัญหาบานปลาย ด้วยเรื่องของการ “ดันเด็กในคาถา” เรื่องราวที่เกิดขึ้นนับว่าฝ่ายการเมืองกับขาใหญ่ในกระทรวงอย่าง ผบ.เหล่าทัพ สมประโยชน์ มันก็แฮปปี้ แต่มีรายการผิดคิวจากปลัดคนเก่า พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ที่ออกมาขวางลำ เสนอชื่อคนของตัวเอง พอหมูจะหามดันเอาคานมาสอด ก็หักกลางลำเท่านั้น
ปฏิบัติการลองของ พล.อ.เสถียรยื่นหนังสือฟ้องนายกฯ พร้อมหอบโผไปให้องคมนตรี ทำเอา พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงฉุนขาด เอาเรื่องภายในมาโพนทะนาไม่พอ ยังไปฟ้ององคมนตรีที่ถือเป็นคนนอกไม่เกี่ยวข้อง จึงตอกหน้าย้อนศร ด้วยการสั่งย้ายด่วนเข้ากรุ แม้ปลัดกระทรวงจะเหลืออายุราชการเพียง 1 เดือน
เป็นการโชว์เพาเวอร์ด้วยอารมณ์เคืองแค้น ถูกตบหน้าก่อนเลยเอาคืนชนิดไม่ไว้หน้า
ทว่า ภาพที่ออกมามันดูไม่ค่อยดี เหมือนการเมืองเข้าไปแทรกแซง ถึงขนาด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ สมองกลวงยังบ่นอุบ ไม่น่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ พร้อมสั่ง “สุกำพล” ไปเคลียร์ให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี
เรื่องนี้แม้จะเกิดแรงกระเพื่อมบ้าง แต่ระดับยังเบาบาง เพราะฝ่ายการเมืองไม่ได้หักลำกับกองทัพที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวเรือใหญ่ เพราะเจ้าตัวเองก็อยากให้ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ข้ามห้วยไปเสียบตำแหน่งปลัด เพื่อเปิดเก้าอี้ตัวเดิมดันนายทหารไฮเพาเวอร์อย่าง พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็น 5 เสือ ทบ.แทน
กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกรดเอ มีงบประมาณผ่านเข้าออกนับหมื่นล้านบาท เป็นฐานสำคัญของพรรคการเมืองในการสะสมกระสุนเสบียงกรัง แว่วว่า คนแดนไกล “ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษหลบหนีคดี ชี้เป้าไปที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามารับตำแหน่ง หวังตบรางวัลในฐานะทำตัวเป็น “เด็กดี”
แต่อีกชื่อที่แรงคือคนใน อย่าง สมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ทำงานเข้าตา จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง จับกระแสแล้วคลื่นลมภายในยังไม่สงบ โผแต่งตั้งยังเข้าครม.ไม่ได้เหมือนกัน
กระทรวงที่ยังเป็นปัญหางัดข้อไม่จบง่ายๆ คือ กระทรวงคลองหลอด มหาดไทย ยังยักแย่ยักยันไม่สามารถเอาโผโยกย้ายเข้า ครม.ได้เสียที เพราะนอกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงของ พระนาย สุวรรณรัฐ ที่จะเกษียณแล้ว ยังมีตำแหน่งอธิบดี ตลอดจนตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอีกหลาย 10 จังหวัด การจัดโผจึงยังขยับไม่ลงตัวง่ายๆ
ตำแหน่งปลัดกระทรวงชื่อเรียงรายออกมาหลายคน เพราะแข่งขันกันสูง มหาดไทยผลประโยชน์มหาศาล จึงต้องแก่งแย่งกันจนหยดสุดท้าย แรกเริ่มมีชื่อ ประชา เตรัตน์ ไม่รู้มาได้อย่างไร หลายคนยังงงเพราะไม่น่าจะใช่คำตอบสุดท้าย ก่อนหน้านี้เคยทำทะเล่อทะล่าเรื่องจัดการม็อบ จนเครือข่ายพรรคเพื่อไทยรับไม่ได้ ก็แว่วว่า “พระนาย” เองแอบหนุนอยู่ แต่ดูเหมือนกำลังภายในไม่พอ ชื่อจึงหล่นหายไปจากสารบบ
กลายเป็น วิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่แรงขึ้นมา อดีตปลัดกระทรวงคลองหลอดมีลุ้นได้กลับมานั่งเก้าอี้ใหญ่ตัวเดิม ลือให้แซ่ดว่า นายกฯ และ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชื่นชอบ หลังทำตัวเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาท แม้จะถูกเตะโด่งไปมา ก็ไม่ปริปากบ่นก้มหน้าก้มตาทำงานลูกเดียว
ทำท่าจะลงตัวลงล็อก แต่ปรากฏว่า “เกมพลิก” ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดี นายใหญ่ตลอดกาลกลับไม่เห็นด้วย คุยกับใครหลายคนโดยเฉพาะ ส.ส.พรรคตัวเอง ส่ายหน้าบอกไม่ได้นะครับนาย
ก่อนหน้านี้ใครก็รู้กันดี “วิเชียร” เป็นเด็ก เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย บุคคลที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นคนทรยศพรรคเพื่อไทย แม้ระยะหลังจะทำตัวเงียบๆ นิ่งๆ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ภาพในอดีตมันติดตัวมายากจะล้างออก ถ้าตั้ง “วิเชียร” ขึ้นมาจริงๆ คงตอบคำถาม ส.ส.ลำบาก ขณะเดียวกัน ส.ส.เองจะไปบอกชาวบ้านอย่างไร คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะ ตั้งคนอื่นไม่ได้เชียวหรือ!!
สุดท้ายจึงกลายเป็นชื่อ วิบูลย์ สงวนพงษ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่มาแรงแซงทุกโค้ง เพราะนายใหญ่เคาะชื่อให้เป็นคำตอบสุดท้าย แม้จะไม่หือ ไม่อือกับฝ่ายการเมืองเท่าไหร่นัก แต่ก็น่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกัน สิงห์ดำเหมือนกับ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ที่จ่อมาเป็นเสนาบดี ให้การสนับสนุนอีกแรง
กระนั้นก็ตามทีต้องรอลุ้นกันอีกเฮือก เพราะแว่วว่าฝ่ายข้าราชการประจำยังคงไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ ตามความต้องการของฝ่ายการเมือง โดยตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ “ปลัดพระนาย” ไม่ยอมงอให้ฝ่ายการเมือง เรื่องที่กำลังยืดเยื้ออยู่อาจเรื้อรังยาวไปจนถึงวันที่ “พระนาย” เกษียณนู่นเลย
การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตใหญ่ครั้งนี้จึงดูอลเวงป่วนในหลายๆ กระทรวง เพราะการเมืองเข้ามาล้วงลูก สร้างแรงกระเพื่อมในวงราชการ ตอกหมุดฝังรากวัฒนธรรมอุบาทว์
หลังโยกย้ายเปลี่ยนถ่ายข้าราชการ ที่เป็นมือเป็นไม้เรียบร้อย ก็ขอให้จับตาดูการปรับคม.ที่จะถึงในเร็วๆ นี้ ไม่ต้องสาธยายให้เมื่อยตุ้ม เรื่องวิ่งเต้น ถอนทุนไม่ต่างกัน เรื่องผลงานพิจารณาทีหลัง
เพราะรัฐบาลนี้เน้นเลือกคนทุนหนา บารมีเยอะ แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่า เป็นเด็กสังกัดใคร..