โฆษก ทบ.ชี้คนปล่อยเอกสาร “สไนเปอร์” มีนัย หนังสือมี 5 หน้า แต่เอามาแค่หน้าสุดท้าย แฉมี “กลุ่ม-บุคคล” พยายามปั่นกระแสให้ประชาชนเชื่อกองทัพใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมปี 53 ยันกองทัพไม่เคยใช้สไนเปอร์ ใช้แต่พลแม่นปืนระวังป้องกัน ตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ระบุมีกฎปฏิบัติงานชัดเจนตามหลักสากล
วันที่ 19 ส.ค. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเว็บไซต์ประชาไทได้เผยแพร่เอกสารโดยอ้างว่าเป็นเอกสารของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่เกี่ยวข้องกับแนวปฏิบัติการใช้อาวุธ เพื่อรักษาที่ตั้งสำคัญ จุดตรวจ ด่านตรวจของช่วงสลายชุมนุมเมื่อปี 2553 เอกสารระบุว่า หากมีผู้ก่อเหตุใช้อาวุธแล้วอยู่ปะปนกับผู้ชุมนุมให้เจ้าหน้าที่งดใช้อาวุธ ยกเว้นถ้าในหน่วยมีพลแม่นปืนให้ทำการยิงเพื่อหยุดยั้งการก่อเหตุได้ และหากไม่สามารถยิงได้สามารถร้องขอพลซุ่มยิง หรือสไนเปอร์จาก ศอฉ.ได้ว่า เป็นเอกสารฉบับจริง แต่ผู้ที่นำเอกสารฉบับนี้มาปล่อยเข้าใจว่ามีนัยเรื่องอื่น เพราะเอกสารมีอยู่ 5 แผ่น แต่เลือกนำแผ่นสุดท้ายมาปล่อย ทั้งนี้ไม่ใช่อะไรที่เป็นเรื่องใหม่ ตนในฐานะโฆษก ศอฉ.ในตอนนั้นได้เล่าให้สังคมเข้าใจมาโดยตลอดว่า การปฏิบัติงานของ ศอฉ.ยึดหลักสากลจากเบาไปหาหนัก ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเอกสารแผ่นที่ 1, 2, 3, 4 แต่แผ่นสุดท้ายเราได้อธิบายความว่า หากเราปฏิบัติจากเบาไปหาหนักแล้วไม่สามารถจะระงับยับยั้งการปฏิบัติที่ผิดกฎหมายก่อให้เกิดอันตรายต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่ได้ เราก็จำเป็นที่ต้องใช้พลแม่นปืนระวังป้องกัน
“กองทัพบกไม่เคยใช้สไนเปอร์ เราเรียกเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติว่าพลแม่นปืนระวังป้องกัน ส่วนใครจะไปเรียกอะไรก็เรื่องของเขา แต่ส่วนใหญ่พยายามจะเรียกให้มันดูน่ากลัวว่าสไนเปอร์ คือพลซุ่มยิง ไม่ได้บ่งบอกว่าซุ่มยิงอะไร อย่างไรก็ตาม พลแม่นปืนระวังป้องกัน หากมีผู้ใช้อาวุธสงครามทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่เพื่อให้ถึงแก่ชีวิตหรือบาดเจ็บ พลแม่นปืนระวังป้องกันจำเป็นต้องปฏิบัติงานของเขา หากอ่านในเอกสารให้ละเอียดจะมีข้อความเหล่านี้อยู่” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
พ.อ.สรรเสริญกล่าวต่อว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีความพยายามจากกลุ่มฝ่ายบุคคลเพื่อสร้างกระแสทำให้สังคมเขาใจคลาดเคลื่อน ให้เห็นว่ากองทัพทำอะไรที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ กองทัพทำร้ายประชาชนผู้ชุมนุม ซึ่งเขาปล่อยข้อมูลเพื่อเสริมภาพที่เขากำลังพยายามสร้างอยู่ แต่เราคงไม่กังวลเพราะไม่ใช่เรื่องใหม่ เราได้ชี้แจงมาหมดแล้ว