“ประชา” เผย ครม.อนุมัติปรับหลักเกณฑ์การจ่ายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เป็น 5 แสนบาท ให้ย้อนหลังตั้งแต่ ม.ค. 2547 แต่ให้ทยอยจ่ายปีละ 1 แสนบาท ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ อ.ตากใบ และ อ.สะบ้าย้อย ให้จ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท กรณีมัสยิดกรือเซะได้รายละ 4 ล้านบาท
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.ได้มีมติเห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่เสียชีวิต ทุพพลภาพ บาดเจ็บ และครอบคลุมทั้งประชาชนทั่วไป รวมถึงพระสงฆ์ นักบวชในศาสนาอื่น นักท่องเที่ยวต่างชาติ จากเดิมรายละ 100,000 บาท ประชาชนที่ช่วยเหลือราชการ จากเดิมรายละ 200,000 บาท ให้เท่าเทียมกับเจ้าหนาที่ของรัฐย้อนหลังไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2547 เป็น 500,000 บาท ซึ่งจะทยอยจ่ายปีละ 100,000 บาท ให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ 2558
โดยได้มอบหมายให้ ศอ.บต.ร่วมกับคณะอนุกรรมการเยียวยาประชาชน ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เบื้องต้นกำหนดให้ทั้ง 4 จังหวัด และ 37 อำเภอของพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ทำการจ่ายเงินเยียวยาประชาชน 6,868 ราย เป็นเงินกว่า 430 ล้านบาท โดยเริ่มจ่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ส่วนผู้สูญเสียและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากเหตุการณ์ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และมัสยิดกรือเซะ อ.เมือง จ.ปัตตานี และกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นการเยียวยาที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐจะได้รับการเยียวยามากกว่ากรณีอื่น โดยกรณี อ.ตากใบ อ.สะบ้าย้อย กรณีสูญหายและละเมิดสิทธิมนุษยชนได้รับการช่วยเหลือเยียวยารายละ 7.5 ล้านบาท ส่วนกรณีมัสยิดกรือเซะ รายละ 4 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้ ศอ.บต.ร่วมกับคณะอนุกรรมการเยียวยาฯทำการมอบเงินเยียวยาในปีงบประมาณ 2555 รายละ 3.5 ล้านบาท และในปีถัดไป ปีละ 1 ล้านบาทเป็นเวลา 4 ปี โดยการจ่ายเงินเยียวยาครั้งนี้ครอบคลุมทุกกลุ่มทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนทั่วไป ผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ถูกจับกุมคุมขังแล้วศาลมีคำสั่งไม่ฟ้อง
พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า การปรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่เสียชีวิต ทุพพลภาพ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่จะนำ “ความสันติสุขกลับคืนสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้” และเพื่อเป็นการเยียวยาด้านคุณภาพชีวิตและด้านการเงินตามหลักมนุษยชน