“อภิสิทธิ์” หนุนย้ำนโยบายแก้ใต้ สมช.ทุกฝ่ายยอมรับ อ้างบุคลากรไม่เชื่อใจทำเกิดปัญหา ซัด “เหลิม” กลับกลอก! แฉดอดคุยลับชมยุค ปชป.แก้ดีขึ้นจึงอยากเชิญไปหารือ จวกรัฐไม่ปฏิบัติตามนโยบายตัวเอง จี้ละเรื่องการเมืองบ้าง แนะรับฟังข้อเสนอสภาที่ปรึกษา ศอ.บต.ค้านเปลี่ยนโครงสร้าง ชี้ถ้าลดน้ำหนักงานยิ่งผิดพลาด
วันนี้ (8 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เสนอสูตร 9-5-29 ใช้ในการดับไฟใต้ว่า ตนอยากย้ำว่านโยบายที่เป็นที่ยอมรับของหลายฝ่าย คือ นโยบายที่ สมช.จัดทำขึ้นและรัฐบาลนี้ได้ให้ความเห็นชอบ แต่เมื่อไปดำเนินนโยบายกลับไปทำตามนั้น บุคลากรที่รัฐบาลมอบหมายให้มาทำงานก็ไม่ได้เป็นคนทำนโยบายและไม่มีความเชื่อในแนวทางนี้ จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า 2 ปี 8 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลประชาธิปัตย์ก็แก้ปัญหาไม่ได้ว่า เวลาที่ ร.ต.อ.เฉลิมมาคุยกับตนส่วนตัวไม่ได้พูดแบบนี้ แต่บอกว่าที่อยากจะเชิญฝ่ายค้านไปหารือเพราะเห็นว่าช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลทิศทางและแนวโน้มหลายอย่างดูดีขึ้น นี่คือสิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดกับตนส่วนตัว แต่เวลาไปพูดข้างนอกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และสิ่งที่ตนกำลังจะเสนอไม่ได้บอกว่าให้ใช้นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ แต่ให้ใช้นโยบายที่จัดทำขึ้นตามกฎหมาย ศอ.บต.ที่รัฐบาลนี้ให้ความเห็นชอบแต่กลับไม่ปฏิบัติตามนโยบายของตัวเอง
“ผมอยากให้ละเรื่องการเมืองเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องการเมืองทุกเรื่อง ข้าวเสียหายทุกวันนี้ก็เป็นเพราะถือทิฐิว่าต้องกลับไปใช้นโยบายจำนำ ภาคใต้ต้องเป็นแบบนี้เพราะไม่ยอมแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่งานด้านความมั่นคงความต่อเนื่องเป็นเรื่องสำคัญ ผมอยากให้ย้อนกลับไปดูว่าเหตุการณ์ที่ลุกลามจากการประเมินผิดพลาดในปี 44 ทุบโครงสร้างทิ้งเกิดความรุนแรงในปี 47 เป็นต้นมา ควรจะเป็นบทเรียนได้แล้ว” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาภาคใต้ทุกคนมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ตำรวจ หรือฝ่ายปกครอง ซึ่งตนเชื่อว่าทุกคนทำงานหนัก ปัญหาคือทำอย่างไรให้คนเหล่านี้ที่ทุ่มเทเสียสละทำงานมีทิศทางการทำงานที่สอดคล้องกัน เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในพื้นที่ ทั้งหมดอยู่ที่วิธีปฏิบัติ ซึ่งตนยืนยันว่าถ้ามีการลดน้ำหนักงานของ ศอ.บต.จะเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดและจะเกิดความรุนแรงมากขึ้น โดยรัฐบาลควรรับฟังข้อเสนอของสภาที่ปรึกษา ศอ.บต.ที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนโครงสร้าง เพราะสภาที่ปรึกษามาจากหลายฝ่ายและประชาชนก็มีส่วนร่วมในโครงสร้างนี้ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลยังรับฟังในกรณีเรื่องการกำหนดวันหยุดราชการก็มีมติตามที่สภาที่ปรึกษาเสนอ ดังนั้นเมื่อจะกำหนดทิศทางหลักในการแก้ปัญหาก็ควรรับฟังความเห็นจากสภาที่ปรึกษาด้วย
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันให้รัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 4 ฉบับออกจากวาระการประชุมสภา เพราะหากไม่ถอนออกไปก็จะเป็นปัญหาความหวาดระแวง ความขัดแย้ง จึงไม่เข้าใจว่ารัฐบาลจะค้างเอาไว้ในสภาเพื่ออะไร ทำไมรัฐบาลไม่เอาเวลาไปทุ่มเทนโยบายสำคัญ เช่น เศรษฐกิจและปัญหาภาคใต้