“พลังชล” ขุดไอเดียโละ “ส.ว.สรรหา” เน้นคิดตามประชากร อ้างของเดิมไม่เป็นธรรม

ส.ส.พลังชล สมองใส เตรียมเสนอรื้อที่มา ส.ว.จากเดิมจังหวัดละคนผสมสรรหา เปลี่ยนเป็นแบบเก่า คิดตามสัดส่วนจากจำนวนประชากร อ้างไม่เป็นธรรม เพราะที่นั่ง ส.ว.กทม.-จังหวัดใหญ่ เท่ากับระนอง ที่ประชากรน้อยสุดในไทย

วันนี้ (2 ส.ค.) นายสันตศักย์ จรูญงามพิเชษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังชล หนึ่งในคณะทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล ต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 กล่าวถึงการประชุมคณะทำงานนัดแรกในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า ในส่วนของพรรคพลังชล เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะทำช้าหรือเร็ว สิ่งสำคัญต้องมีความรอบคอบ รวมไปถึงร่าง พ.ร.บ.ฉบับต่างๆ ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าฉบับใด ก็ควรคิดอย่างช้าๆ อย่าไปทำอะไรที่จะไปเพิ่มความขัดแย้งในสังคม โดยต้องนึกถึงประโยชน์ของส่วนร่วมและประชาชนเป็นหลัก

ส่วนการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในมาตรา 291 ที่เป็นปัญหาในขณะนี้ ตนเห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องเร่งทำความเข้าใจทั้งหลักการและเหตุผลให้กับประชาชนได้รับทราบ เพราะเกิดการมองคนละมุม ส่วนการจะเดินหน้าโหวตรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 วาระ 3 หรือไม่ ทางพรรคมองว่าเมื่อมีการท้วงติงจากศาลรัฐธรรมนูญว่าต้องนำมาพิจารณาให้รอบคอบ เพราะต้องยอมรับว่าคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลากากรศาลรัฐธรรมนูญยังมีความสับสนอยู่

นายสันตศักย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของตนที่เคยเป็นอดีต ส.ว.เห็นว่า ควรจะมีการแก้ไขมาตรา 112 เรื่องที่มาของ ส.ว.ที่ปัจจุบันให้มีจังหวัดละ 1 คน โดยกลับไปใช้ตามรัฐธรรมนูญแบบเดิม ที่กำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ว.1 คนโดยคิดจากจำนวนประชากร 3 แสนคน ขณะที่ ส.ส.1 คน คิดจากจำนวนประชากร 1.5 แสนคน ทำให้ จ.ชลบุรี มี ส.ส.8 คน ส.ว.4 คน แต่เมื่อมาใช้รัฐธรรมนูญปี 50 มีการแก้ไขจำนวนที่มาของ ส.ว.ใหม่เป็นจังหวัดละ 1 คน ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม เพราะจำนวนประชากรแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน โดยจังหวัดที่มีประชากรมากหลายล้านคน เช่น กทม. นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ มี ส.ว.เพียงจังหวัดละ 1 คน เท่ากับ จ.ระนอง ที่มีประชากรน้อยที่สุดในประเทศไทย