รองนายกฯ ยันแก้รัฐธรรมนูญต้องศึกษาให้รอบคอบ ระบุนายกฯ ห่วงป่วนใต้ เผยงานศูนย์ปฏิบัติฯ ให้ “ยุทธศักดิ์” ดูข่าว “ยงยุทธ” ดูมหาดไทย ส่วนตนดูตำรวจ ลั่นบึ้ม รร.ซี.เอส.ทำไม่ลายความเชื่อมั่นต่างชาติ อ้างช่วงรอมฎอนอะไรก็เกิดขึ้นได้ อุบลงใต้ แต่สั่งตำรวจเข้มแล้ว รับข่าวกรองยังก้ำกึ่ง มั่นใจรัฐเอาอยู่
วันนี้ (1 ส.ค.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการหารือร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีมติให้ชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปก่อนว่า เรื่องนี้ต้องมีการศึกษาอย่างรอบคอบในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ก็ได้มอบหมายให้เลขาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทำหนังสือเพื่อสอบถามความชัดเจนในเรื่องนี้นอกจากนี้นายกฯยังมอบหมายให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกฯในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เข้าไปดำเนินการโดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลในเรื่องการสานเสวนา ถึงแม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าไม่ผิดและให้ดำเนินการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อได้ทันที แต่ตนก็เห็นว่าเรื่องนี้ไม่สมควรที่จะเร่งรีบแต่ควรที่จะศึกษาอย่างรอบคอบ
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็สามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนายกฯ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายข่าวและตำรวจมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ดังนั้น นายกฯ จึงได้ลงมาดูแลในเรื่องนี้ด้วยตนเองโดยการสั่งการให้รองนากยกฯ ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เข้าไปดูแลในส่วนของฝ่ายข่าว นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และตนเข้าไปดูแลในส่วนหน้าที่ความรับผิดชอบกระทรวงมหาดไทยและตนก็จะดูแลในส่วนของตำรวจ จากนั้นเมื่อได้ข่าวจากสำนักงานข่าวกรองแล้วก็จะมีการประสานไปยังผู้ว่าราชการ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้การข่าวที่ได้อย่างบูรณาการในการแก้ปัญหาซึ่งจะมอบหมายให้ทหารเป็นหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อย
เมื่อถามว่า เหตุระเบิดที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานีเมื่อคืนที่ผ่านมา (31 ก.ค.) นั้น โรงแรมดังกล่าวเป็นของนายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล ส.ว.สรรหา และพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่เซฟตี้โซนซึ่งไม่ค่อยมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดเกิดขึ้นบ่อย การก่อเหตุครั้งนี้เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ทำลายความเชื่อมั่นต่างประเทศ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นวันถือศีลอดเนื่องในโอกาสเดือนรอมฎอนก็ไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้น ส่วนจะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยตนเองหรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้โดยปฏิเสธสั้นๆ ว่าไม่บอกแต่ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดูแลอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะในคดีรถหาย ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ซึ่งท้องที่ไหนที่ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวก็ขอให้มีการทำงานร่วมกันอย่างเข้มงวด โดยในวันนี้ (1 ส.ค.) ตนจะประชุมร่วมกับ ก.ตร.ซึ่งตนก็จะมีการสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ให้มีการตั้งด่านอย่างเข้มงวด
“อย่างไรก็ดี เท่าที่ดูสถิติการก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จากที่ผ่านมามีสถิติการเกิดเหตุลดลง ส่วนที่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการข่าวที่ผิดพลาดหรือไม่นั้น ก็ยอมรับว่ายากที่จะทำความเข้าใจ เพราะเหตุที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งการก่อการร้ายหรือในเรื่องการเมือง อีกทั้งขณะนี้อัตราเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ค่อยดูแลสถานการณ์ยังขาดเป็นจำนวนมากถึง 5 พันคน นอกจากนี้ก็ยอมรับว่าหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นการรายงานจากหน่วยข่าวกรองก็ยังก้ำกึ่งไม่มีความชัดเจน หากไม่มีความแน่ชัดก็คงพูดไปก่อนไม่ได้” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
เมื่อถามต่อว่า รัฐบาลจะมีการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลก็ได้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหลังซึ่งในวันที่ 8 ส.ค.นี้จะมีการเวิร์กชอปเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการทำงานอย่างบูรณาการทั้งทหารและตำรวจ ซึ่งการจัดให้มีเวิร์กชอปไม่ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ล่าช้าเพราะที่ผ่านมารัฐบาลมีการแก้ปัญหาอยู่แล้ว เมื่อถามว่าคิดว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า สถานการณ์ไม่ทำลายความเชื่อมั่นของต่างประเทศและคงไม่ต้องบอกระดับความรุนแรง มั่นใจรัฐบาลยังเอาอยู่