“อภิสิทธิ์” ย้ำแจงไปหลายรอบประเด็นหนีทหาร ชี้เรื่องอยู่ในศาลไม่ควรพูด ขู่ “สุกำพล” ไม่หยุดโดนฟ้องเหมือน “ตู่” แน่ มั่นเป็นเกมการเมือง - เชื่อ “สุเทพ” ไม่มีเจตนาขัด ม. 268 รอวุฒิสภาตัดสิน จี้ ปชช.เปรียบเทียบ ยันพรรคเคารพกระบวนการ ไม่ข่มขู่ คุกคามเหมือน พท.
คลิกที่นี่ เพื่อฟังการให้สัมภาษณ์ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"
วันนี้ (27 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ รมว.กระทรวงกลาโหม เตรียมจะนำหลักฐานการขาดการตรวจเลือกในการเกณฑ์ทหารว่า ตนก็ชี้แจงไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้เข้ารับการคัดเลือก เพราะอยู่ในช่วงที่สมัครเข้ารับราชการทหารเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อย และมีหลักฐานทะเบียนแสดงการผ่อนผันอยู่ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร และตนย้ำหลายครั้งแล้วว่าคดีนี้ตนฟ้องร้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ในข้อหาหมิ่นประมาทตน โดยมีการสืบพยานทั้งสองฝ่าย นำเอกสารของกระทรวงกลาโหมมาด้วย ทุกอย่างเรื่องอยู่ในศาลแล้ว ตนก็พยายามหลีกเลี่ยงในการแสดงความเห็น เพราะเป็นคดีความในศาลอยู่ แต่ถ้าวันนี้ในการแถลงข่าวของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม มีการหมิ่นประมาทซ้ำอีกก็ต้องฟ้องร้องกัน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่า พล.อ.อ.สุกำพลจะแถลงอย่างไร แต่ถ้ามีหลักฐานใหม่เกิดขึ้นก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะมีการสอบเสร็จแล้วและส่งผลให้ไปใช้ในศาลก่อนที่จะมาแถลงด้วยซ้ำ แต่ถ้าแถลงแล้วมีอะไรเพิ่มเติมอีก ก็ไม่เข้าใจว่ามาตรฐานการสอบคืออะไร
“เรื่องนี้ไม่มีอะไร งานนี้ไม่มีผิดปกติ นอกจากถูกสั่งทางการเมืองมาก็ต้องทำเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรผิดปกติเลย แต่ผมให้ฝ่ายกฎหมายติดตามอยู่ว่าจะฟ้องร้องกันอย่างไร ถ้ามาใช้หลักฐานเท็จหรืออะไรก็ต้องเล่นงานกัน ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นการเมืองชัดเจน เพราะคิดไม่ออกว่าจะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร เนื่องจากเรื่องนี้ผ่านมายี่สิบกว่าปี และเคยมีการชี้แจงหลายครั้ง แต่ตอนนี้มีการเคลื่อนไหวในจังหวะนี้พอดีเพราะผมฟ้องร้องนายจตุพร จึงออกมาเป็นตัวช่วยให้นายจตุพร” นายอภิสิทธิ์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงมติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ว่าทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1) แทรกแซงการบริหารของกระทรวงวัฒนธรรมว่า ตามกระบวนการทางวุฒิสภาจะเป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ คาดว่าน่าจะเดือนสิงหาคมนี้ และนายสุเทพก็มีสิทธิที่จะชี้แจง โดยทั้งหมดจะเป็นดุลพินิจของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเรื่องนี้ข้อเท็จจริงก็ไม่มีอะไรซับซ้อน นายสุเทพก็ต้องชี้แจงว่าเจตนาเป็นอย่างไร ส่วนการพิจารณาก็เป็นอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา เราต้องเคารพกระบวนการตรงนี้
“ผมเชื่อว่านายสุเทพไม่มีเจตนา ทีนี้ก็ต้องไปดูคำวินิจฉัยทั้งหมด แต่ในเรื่องนี้หลังจากมีการติงประเด็นข้อกฎหมาย นายสุเทพก็ไม่เดินต่อและดึงเรื่องกลับ แต่ ป.ป.ช.บอกว่าเป็นการกระทำที่สำเร็จแล้ว ก็ต้องดูว่าวุฒิสภาจะว่าอย่างไร แต่ทุกคนก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น ผมเห็นใจนายสุเทพ เพราะอายุ 60 กว่าแล้ว ท่านก็บอกว่าถ้าถูกตัดสิทธิ 5 ปีมันก็นาน แต่นายสุเทพมีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด ผมเชื่อว่าไม่มีเจตนาฝ่าฝืนอะไร ผมก็ได้คุยกับนายสุเทพว่ากระบวนการยังไม่จบต้องไปชี้แจงให้ดีที่สุด เรื่องนี้ผมอยากให้ประชาชนดูว่าเวลาเกิดเหตุอะไรขึ้นกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ เราเคารพกระบวนการต่างๆ แต่พรรคเพื่อไทยเวลาคำวินิจฉัยไปในทางที่เป็นประโยชน์กับตัวเองก็ไม่ว่าอะไร แต่พอคนของตัวเองถูกวินิจฉัยก็ไม่ยอมรับ ถึงขั้นมีการข่มขู่ คุกคาม ล้มกระบวนการต่างๆ ทั้งหมด ผมจึงอยากให้ประชาชนเห็นความแตกต่างตรงนี้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
