“เจ๊หน่อย” แนะรัฐฯ อย่าลุย พ.ร.บ.ปรองดอง ปัดบินต่อรองเก้าอี้ “แม้ว”

“สุดารัตน์” อ้าง พ.ร.บ.ปรองดองถอนไม่ได้ เหตุหาเสียงไว้ แต่แนะรัฐฯ ชะลอออกไปก่อน พร้อมทำความเข้าใจกลุ่มต่อต้าน เผยพา ส.ส.เพื่อไทยบินพบนายใหญ่เพื่อแสดงความยินดี ปัดถกเรื่องตำแหน่ง ครม. ย้ำเป็นหน้าที่นายกฯ

วันนี้ (27 ก.ค.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย และอดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวแนะนำรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองหลังเปิดสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 ส.ค.นี้ว่า การเปิดสภาครั้งนี้เป็นที่จับจ้องของหลายฝ่ายเพราะมีทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ซึ่งสถานะขณะนี้ที่จะมีความพยายามปลุกระดมต่อต้านรัฐบาลจึงต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นในกรณีของ พ.ร.บ.ปรองดอง ถ้ารัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวก็อาจทำให้สิ่งที่รัฐบาลได้เคยหาเสียงไว้และบอกเป็นนโยบายต้องเสียไป ทางที่ดีที่เป็นไปได้คือยังไม่ควรหยิบเรื่องขึ้นพิจารณา และใช้เวลาในช่วงนี้ทำความเข้าใจ กับฝ่ายที่ยังไม่เห็นด้วยในลักษณะของการเปิดเวที่เพื่อให้มีการแสดงความคิดเห็น ทั้งในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และทางออกของประเทศ

“ถ้ารัฐบาลดึงดันที่จะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองก็จะถูกต่อต้านจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยทำให้รัฐบาลเสียสมาธิในการทำงาน แต่ก็ยังคิดว่าไม่น่าจะถึงขั้นต้องยุบสภาหรือลาออก ขณะนี้รัฐบาลก็บริหารงานมา 1 ปีแล้ว ควรให้ความสนใจเรื่องการทำความเข้าใจกับคนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างให้มากขึ้นนอกเหนือจากการบริหารงานปกติ” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ยังได้กล่าวถึงกรณีเป็นผู้นำ ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนหนึ่งไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกงว่า ไม่ได้เป็นการตบเท้าอะไร แต่เป็นเพราะน้องๆ อยากจะไปแสดงความยินดีตามธรรมเนียมไทย ซึ่งตนเองไม่ได้ไปพูดคุยในเรื่องการเมืองเลย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการพูดคุยเรื่องการปรับ ครม.นั้น ในส่วนของ ส.ส.กทม.ที่เดินทางไปตนไม่ได้ยินว่ามีเรื่องนั้น และตัวเองเดียวนี้แทบไม่ได้มีความคิดที่เข้าไปชี้นำ ส.ส.หรือใครได้ ซึ่งการจะปรับ ครม.หรือไม่ คนตัดสินใจคือนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นเหมือนหัวหน้าวงจะรู้ว่าควรจะปรับตอนไหนและปรับตรงไหน คนนอกมองไปก็อาจจะมองด้วยความรักความชอบ แต่การปรับควรปรับโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งคนอื่นไม่ควรมีความคิดเห็น ควรให้เป็นนายกฯ เพียงคนเดียว