ประธานวุฒิสภาไม่ได้มาทำงานที่ตึกวุฒิสภา หลังศาลอาญาสั่งจำคุกคดีขึ้นเงินเดือนตัวเองเมื่อเช้า นักข่าวโทรศัพท์หาถูกกดสายทิ้ง ขณะที่ “พิเชต” เผยไม่ขัดข้องหากถูกเสนอชื่อ แต่ต้องดูคนอื่นด้วย เผยโทร.คุยกันแล้ว เจ้าตัวอ้างว่าแล้วแต่บุญแต่กรรม เชื่อเครียดกับคำพิพากษา ชี้ไม่จำเป็นลาออกจากสถานภาพ ส.ว.
วันนี้ (25 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า หลังจากศาลอาญามีคำพิพากษาสั่งจำคุก พล.อ.ธีรเดช มีเพียร, นายพูนทรัพย์ ปิยะอนันต์ และนายปราโมทย์ โชติมงคล อดีตผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา กรณีขึ้นเงินเดือนและค่าตอบแทนให้ตัวเอง พล.อ.ธีรเดชไม่ได้เดินทางมาทำงานที่ตึกวุฒิสภาตลอดทั้งวัน ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมากที่มารอสัมภาษณ์ที่หน้าห้องทำงาน เมื่อผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ไปสอบถามก็ไม่ได้รับการตอบรับได้แต่กดสายทิ้ง
ขณะที่ นายพิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.สรรหา กล่าวยอมรับว่า มีการพูดคุยกับเพื่อน ส.ว. ถึงการเสนอชื่อตนเข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาจริง แต่ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของบุคคลอื่นที่ได้รับการเสนอชื่อด้วย ส่วนตัวไม่ขัดข้องที่จะถูกเสนอชื่อ อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 ก.ค.ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พล.อ.ธีรเดช ถึงเรื่องผลการตัดสินว่าจะออกมาอย่างไร ก็ขอให้ดำรงตำแหน่ง ส.ว.ต่อไปเพื่อช่วยกันทำงาน ไม่อยากให้ลาออก ซึ่ง พล.อ.ธีรเดชตอบสั้นๆ เพียงว่าแล้วแต่บุญแต่กรรม
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเชื่อว่า พล.อ.ธีรเดชก็คงรู้สึกเครียดกับคำพิพากษาที่ออกมา เชื่อว่าประเด็นการขึ้นเงินเดือนและค่าตอบแทนให้ตัวเอง พล.อ.ธีรเดชคงไม่มีเจตนา อย่างไรก็ตาม ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา ความเห็นส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ธีรเดชไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมด้วยการลาออกจากสถานภาพ ส.ว.เพราะความผิดยังไม่ถึงที่สุด ยังเป็นแค่ศาลชั้นต้นเท่านั้น ซึ่ง พล.อ.ธีรเดชจะดำเนินการอย่างไรนั้นยังไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับเจ้าตัว
