“ยุทธศักดิ์” เผย “พล.อ.เต็ง เส่ง” รอ 92 คนไทยถูกตัดสินก่อนถึงช่วยเหลือได้ ระบุหลายคนถูกข้อหาร้ายแรง พร้อมถกเช่าพื้นที่ชายแดนทำเกษตร เล็งทำเอ็มโอยูเขตเศรษฐกิจ ส่วนจุดผ่านแดนถ้าปลอดภัยก็พร้อมเปิด
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงหารือระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ว่า ได้มีการหารือถึงคนไทย 92 คนที่ถูกทางการพม่าจับตัวไป โดยนายกฯ ได้ขอบคุณ พล.อ.เต็ง เส่งที่ดูแลคนไทยที่ถูกจับเป็นอย่างดี ซึ่ง พล.อ.เต็ง เส่งได้ชี้แจงกับนายกฯ ว่ามีคนไทยหลายคนใน 92 คนนี้ที่ทำผิดกฎหมายร้ายแรงที่มีอาวุธสงคราม หรือไปปลูกพืชยาเสพติดก็จะต้องถูกตัดสินตามกฎหมายของเขาก่อน และคงไม่มีใครช่วยได้ เนื่องจากเป็นระเบียบ และเป็นกฎหมายของเขา ซึ่งหลังจากตัดสินแล้วในฐานะที่ พล.อ.เต็ง เส่งเป็นผู้นำของประเทศก็จะหาทางช่วยเหลือและลดหย่อนผ่อนโทษ ซึ่งคนที่โทษน้อยเราก็จะมีโอกาสกลับบ้านก่อน จึงได้ชี้แจงต่อนายกฯ ว่าเรื่องนี้อาจจะต้องใช้เวลาบ้างในการคัดแยกคน และต้องดำเนินการฟ้องร้องไปตามระเบียบ แต่ไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องของกรอบเวลา
พล.อ.ยุทธศักดิ์เปิดเผยอีกว่า มีการหารือกันว่าในอนาคตทางเมียนมาร์มีแนวคิดที่จะให้คนไทยไปลงทุนในประเทศพม่า โดยเฉพาะการปลูกยางพารา ปลูกปาล์ม แต่ขอให้ไปอย่างถูกต้อง โดยผ่านกระทรวงต่อกระทรวง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนขอการเชิญชวน ก็ต้องมีการประสานกัน ใครที่ต้องการไปเช่าพื้นที่เพาะปลูกก็ต้องเข้าไปตามช่องทางที่ถูกต้อง ซึ่งทางเมียนมาร์ก็ไม่ขัดข้อง ส่วนเรื่องยาเสพติดตามแนวชายแดนก็มีการพูดคุยกัน โดยนายกฯ ได้ย้ำไม่อยากให้มียาเสพติดตามแนวชายแดน อยากให้มีการปราบปรามอย่างเข้มงวด ซึ่ง พล.อ.เต็ง เส่งก็เห็นด้วย และจะให้ความร่วมมืออย่างดี โดยมีการทำเอ็มโอยูร่วมกันในการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งความร่วมมือในด้านพลังงาน ส่วนปัญหาชนกลุ่มน้อยก็จะช่วยกันแก้ไขต่อไป ทั้งเรื่องการทำพาสปอร์ต และวีซ่า ส่วนคนที่ไม่มีพาสปอร์ตหรือวีซ่าก็จะมีการส่งกลับโดยกระบวนการที่ถูกต้องของแต่ละประเทศ
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มีการพูดถึงการเปิดจุดผ่านแดน โดยนายกฯ ได้ขอให้มีการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มอีกหลายจุด ซึ่ง พล.อ.เต็ง เส่ง บอกว่าจุดผ่านแดนที่ยังมีอันตรายอยู่ หรือจุดที่ยังไม่เรียบร้อยก็อย่าเพิ่งไปเปิดให้เต็มที่ แต่จุดไหนที่เคลียร์แล้ว มีความปลอดภัยแล้ว และมีจำนวนคนที่จำเป็นต้องใช้จุดนั้นเมียนมาร์ก็ยินดีที่จะเปิดให้ ส่วนจุดผ่านแดนที่เมียวดีที่เปิดๆ ปิดๆ ก็จะไปดู โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัยว่ามีแค่ไหน อย่างไร เพราะในเมียนมาร์มีชนกลุ่มน้อยอยู่ในพื้นที่ต่างๆ อยู่มาก นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงการเปิดด่านไทย-เมียนมาร์ บริเวณเนปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ของเมียนมาร์ กับจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากเนปิดอว์อยู่ติดกับแม่ฮ่องสอน ก็จะมีการหารือร่วมกันในการเปิดด่านในอนาคต