รอง ผบ.ตร.ตรวจการซ้อมรับมือม็อบวันวินิจฉัยคดีแก้ รธน. เผยเตรียม 4 แผนรองรับ พร้อมใช้แบล็กฮอว์กอพยพตุลาการฯ หากเกิดเหตุรุนแรง เบื้องต้นไม่พบการเคลื่อนไหวของมวลชนสองฝ่ายจนเกิดการปะทะกัน แต่ต้องจับตามือที่ 3 ป่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวันนี้ (12 ก.ค.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.ได้เดินทางมาตรวจดูการเตรียมความพร้อมและการซักซ้อมการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดควบคุมฝูงชนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่จะดูแลพื้นที่รอบบริเวณสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 ก.ค.ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการอ่านคำวินิจฉัยคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมตรา 68 หรือไม่
ทั้งนี้ การซักซ้อมได้มีการแบ่งให้ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) ดูแลทางเข้าออกของศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด ส่วนตำรวจจาก บกน.2, 3 และ 6 สลับสับเปลี่ยนเข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณหน้าของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งการซ้อมเป็นไปอย่างเข้มข้น มีการใช้โล่ กระบอง จำลองเหตุการณ์ว่ามีมวลชนต้องการบุกเข้ามาในศาลรัฐธรรมนูญ หรือขว้างปาสิ่งของเข้ามา เช่นเดียวกับการเตรียมกำลังจากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (อคฝ.) และตำรวจนครบาลในที่ตั้งหากมีสถานการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น ทั้งนี้ยังมีตำรวจจากกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (E.O.D.) ลาดตะเวนรอบศาลรัฐธรรมนูญด้วย
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวระหว่างการตรวจการฝึกซ้อมการดูแลรักษาความปลอดภัยว่า จากการประเมินเบื้องต้นคิดว่าการชุมนุมคงไม่มีปัญหาอะไร ผู้ชุมนุมน่าจะประมาณหลักร้อย แต่เป็นห่วงสถานการณ์จากบุคคลที่ 3 ตำรวจจึงต้องตรวจตราสถานที่ให้เรียบร้อยที่สุด เช่น การตั้งจุดตรวจที่จะสกัดไม่ให้บุคคลภายนอกที่อาจพกพาอาวุธเข้ามาทั้งหมด 8 จุด โดยจะใช้แผนปกติที่ใช้ควบคุมการชุมนุมทั่วๆ ไป อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุการณ์อื่นๆ ตำรวจได้มีการตระเตรียมแผนไว้แล้ว โดยเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความเรียบร้อย จำนวน 3 กองร้อย รวม 450 นาย กำลังสนับสนุนอีกจำนวน 9 กองร้อยหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ การชุมนุมสามารถทำได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่หน่วยข้าราชการหน่วยอื่นๆ ก็สามารถเดินทางเข้า-ออกได้ตามปกติ ซึ่งมีการรองรับไว้แล้ว
ส่วนแผนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมไว้มีทั้งหมด 4 แผน ประกอบด้วย แผนปฏิบัติการพิเศษ แผนสำรอง แผนสำรองกรณีไฟฟ้าดับ แผนดูแลบุคคลสำคัญ อาทิ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และยอมรับว่ามีการเตรียมเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กในการเคลื่อนย้ายตุลาการหากมีเหตุฉุกเฉิน ซึ่งก็ถือเป็นแผนหนึ่งที่ได้มีการเตรียมไว้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากจำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ นอกจากนี้จากการข่าวเชื่อว่าจะไม่มีการปะทะกันของมวลชนทั้ง 2 ฝั่ง
ด้าน นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเดินทางมายังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมอบหนังสือบันทึกกระทู้ถามสด “วัชระ V.S.เฉลิม” ที่เป็นการโต้ตอบระหว่างนายวัชระ กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร์ในครั้งต่างๆ ต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายวัชระกล่าวว่า นำบันทึกดังกล่าวมามอบให้คณะตุลาการฯ ได้ใช้ประกอบการพิจารณา เพราะการโต้ตอบระหว่างตนกับ ร.ต.อ.เฉลิม ในการประชุมสภาฯ เกี่ยวกับกรณีนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีความจริงใจในการจับกุมผู้ที่ต้องการหมิ่นพระบรมราชานุภาพจริงตามที่กล่าวอ้าง นอกจากนี้กลุ่มคนเสื้อแดงบางราย อาทิ นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำคนเสื้อแดง และผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดทยังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การปราศรัยในเวทีชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีบางถ้อยความที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง