รายงานการเมือง
ปลาหมอตายเพราะปากฉันใด “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” ประธานรัฐสภา ก็กำลังจะตายเพราะปากฉันนั้น
ดูเหมือนจังหวะชีวิตของ “ประมุขนิติบัญญัติ” รายนี้จะถึงคราว “กัลปาวสาน” กับตำแหน่งเบอร์หนึ่งของอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเข้าเสียแล้ว เมื่อมี “มือดี” ร่อนคลิปเสียงความยาวราว 26 นาที ไปยังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เข้าตำรา “เตะหมูเข้าปากหมา” เมื่อฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ปรี่นำมาขยายผลผ่านรายการทีวีดาวเทียมของตัวเอง และจัดลงในเว็บไซต์ยูทิวบ์จนมีคนเข้าคลิกฟังเป็นหมื่นวิว
เป็นที่มาของสุ่มเสียงแข็งกร้าวที่ “สมศักดิ์” โอภาปราศรัยกับหมู่มิตรในงานฉลองวันคล้ายวันเกิด ที่เมืองมะขามหวาน จ.เพชรบูรณ์ เมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาสาระส่วนใหญ่ก็พุ่งตรงไปที่ประเด็นปัญหาการทำงานในฐานะประธานรัฐสภา โดยเฉพาะ “เผือกร้อน” อย่างร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ที่ยังค้างเติ่งเป็น “อัมพฤกษ์” อยู่ในวาระการประชุม
ถอดแต่ละคำ แต่ละประโยคที่ออกมาจากปาก “ทั่นประธานสมศักดิ์” คราวนี้แล้ว รับประกันได้ว่าแรงสั่นสะเทือนจะต้องระรัวและเร็วไปถึงดูไบจน “คนทางไกล” รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ขั้วหัวใจเป็นแน่
เพราะนอกจากจะ “ปล่อยไก่” ให้ฝ่ายตรงข้ามเอามาเป็นหลักฐานขย้ำขยี้เหยียบซ้ำถึงการผลักดันร่างกฎหมายปรองดอง และร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่ามี “ผู้บงการ” ตัวจริงนาม “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหลัง
สภาพของ “สมศักดิ์” ในขณะนี้จึงแทบไม่ต่างจาก “นักโทษประหาร” ที่นั่งพนมมือจับดอกบัว รอเพชฌฆาตมาลงดาบฟันฉับเข้าที่คอ
เพราะรู้ๆ กันว่าการทำงานบนบัลลังก์ของ “สมศักดิ์” ที่ผ่านมา นอกจากทำให้ฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ออกอาการไม่ปลื้มแล้ว ฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเองก็ส่ายหัวไม่เอาด้วยเหมือนกัน ไล่เรียงตั้งแต่การทำหน้าที่แบบเหยาะๆ แหยะๆ ในการประชุมสภาเพื่อรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ จนปล่อยให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์วิ่งกรูกันเข้าไปฉุดกระชากลากแขนถึงบัลลังก์ จนถูกบันทึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์เมืองไทย
มิหนำซ้ำยังส่งผลให้การประชุมสภาวันนั้นมีอันต้องหยุดชะงัก เล่นเอา ส.ส.พรรคเดียวกันหัวเสียเป็นทิวแถวกับความไม่เด็ดขาด ปล่อยให้เรื่องเรื้อรัง จนโดนตราหน้าว่า “ใจมด” มือไม่ถึงกับตำแหน่งนี้ ขณะที่ช็อตต่อมาในวันรุ่งขึ้นก็ง่อนๆแง่นๆ จนถูก “แฟ้มบิน” ของ “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” ส.ส.สองแควจากค่าประชาธิปัตย์ แถเข้ากลางอกจนตำรวจต้องหิ้วตัวออกไปขึ้นรถกลับบ้านแทบไม่ทัน
หนำซ้ำหลังจากเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายในที่ประชุม ปฏิกิริยาของเจ้าของฉายา “ค้อนปลอมตราดูไบ” ก็ชักออกอาการออกอ่าวออกทะเล วินิจฉัยข้อบังคับแบบกระท่อนกระแท่น ยิ่งคราใดฝ่ายค้านโห่ร้องก็เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับเป๋ไปเป๋มา ตัดสินพิลึกกึกกืออยู่บ่อยๆ จนมีกระแสข่าวถี่ยิบออกมาว่า “ค้อนปลอม” หวั่นไหวต่อการกดดันของฝ่ายค้านจนแข้งขาสั่น
ขณะเดียวกัน ในระยะหลังๆ ก็มักจะออกมาแสดงความคิดเห็นสวนทางกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงอยู่เสมอ โดยเฉพาะการโยนหินถามทางเรื่องการเตรียมหารือนอกรอบกับ “พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ เพื่อถอนร่า งพ.ร.บ.ปรองดอง ออกจากสภาตามคำเรียกร้องของหลายๆฝ่าย
ทั้งๆ ที่ความจริงต้องรับบัญชาจาก “คนดูไบ” เท่านั้น
ด้วยความไม่เด็ดขาดตรงนี้เอง ที่ทำให้พวกเดียวกันเองก็แสดงอาการอึดอัดต่อการทำหน้าที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแกนนำคนเสื้อแดงในคราบท่านผู้ทรงเกียรติอย่าง “วรชัย เหมะ” ส.ส.สมุทรปราการ และ “ก่อแก้ว พิกุลทอง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ออกมาขย่มอย่างรุนแรงด้วยการไล่ตะเพิดลงจากเก้าอี้ พร้อมทั้งเสนอชื่อ “อดีตรองโรมานอฟ” พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้วเข้าเสียบแทน
สำทับด้วยเสียงคำรามในคอของ “ทักษิณ” ที่ออกอาการไม่พอใจการทำหน้าที่ของ “สมศักดิ์” ตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาเหมือนกันผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่ได้รับวางใจให้ดำรงตำแหน่งก็ดูไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ความเข้มงวด ความเด็ดขาด สมัยเป็นรองประธานสภาจนนำมาสู่ฉายา “ขุนค้อน” ก็ยิ่งนับวันจะสิ้นมนต์ขลังเข้าไปทุกขณะ ลุกลี้ลุกลน เดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่ง ใช้ค้อนในมืออย่างพร่ำเพื่อจนกลายเป็น “ตัวตลก” ในห้องประชุม
จนตอนนี้ “คนดูไบ” ให้ราคาให้ค่าเป็นแค่ “อะไหล่ชำรุด” ทำงานตามใบสั่งไม่ลุล่วงอย่างที่หวังไว้
เพราะรับรู้กันในหมู่พลพรรคเพื่อไทยว่านอกจากไม่มีพรรคพวกหรือ ส.ส.ในอาณัติแล้ว “สมศักดิ์” ยัง “ดื้อแพ่ง” ยะโสโอหังมีนิสัยที่ไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นของใคร และหลงตัวเองว่าเป็น “สายตรง” ยิ่งฟังคลิปหลุดข้างต้นยิ่งชัดเจนกับประโยคเด็ดที่ว่า “ยุทธศาสตร์การเมืองของประเทศ เดินตามความคิดผม” คล้ายกับว่า “ทักษิณ” ผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาลต้องก้มหน้ารับฟังบัญชาจาก “สมศักดิ์” พฤติการณ์ดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ส.ภายในพรรค ตลอดจน “ทักษิณ” เป็นอย่างมาก
จนมองได้ว่า “คลิปฉาวขุนค้อน” ฉบับนี้ หาใช่ฝีมือของเครือข่ายฝ่ายตรงข้ามที่สอดแทรกเข้าไปอัดเสียงออกมาได้แต่อย่างใด แต่กลับเป็นฝีมือพวกเดียวกันเองที่จงใจ “เจาะยาง” เพื่อหวังดิสเครดิต และเลื่อยขาเก้าอี้ หรือขุดหลุมฝังให้จมดิน
ยิ่งหากได้ฟังแต่ละประโยค แต่ละถ้อยคำที่หลุดจากปากของเจ้าตัวในคลิปแล้ว อานุภาพมันแรงพอจะสะกิด “ต่อมความอดทน” ของ “คนแดนไกล” ให้ถึงจุดปรี๊ดแตกและอาจเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะการเบ่งกล้ามโชว์พลังทำนองชี้แนะแนวทางอะไร “นายใหญ่” ก็เชื่อ ก็ฟังเป็นเด็กดี!
เพราะต้องอย่าลืมว่าพะยี่ห้อ “นช.แม้ว” แล้ว หากใครที่ออกลูกออฟไซด์ล้ำหน้าตัวเอง ก็จะชะตาขาดไม่รู้ตัว เพราะหลงใหลได้ปลื้มกับคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานตามคำบัญชามากกว่า
ใครที่คิดว่าแน่ สุดท้ายอั๊วไม่ง้อ! กระเด็นกระดอนตกเก้าอี้กันมานักต่อนัก
จับจังหวะ “นายห้างดูไบ” จึงมีโอกาสสูงที่จะขอเปลี่ยนตัว เพราะผลเสียที่ได้จากการปล่อยให้นั่งถือค้อนทำหน้าที่ต่อมีเยอะมากกว่าผลบวก ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และเกมของฝ่ายค้านที่จะงัดแผลนี้มาฉีกซ้ำอยู่เรื่อยๆ
แต่กระนั้น การเด้ง “ค้อนปลอม” ออกจากเก้าอี้ “ประมุขนิติบัญญัติ” ก็ไม่ใช่งานง่ายๆเหมือนการปรับคณะรัฐมนตรี หรือโยกย้ายข้าราชการทั่วไป เพราะตำแหน่งดังกล่าวถือเป็นประมุขของ 1 ใน 3 อำนาจสูงสุดของประเทศ การจะปรับจะเปลี่ยนตัวถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องพินิจพิเคราะห์ให้ดี
สองทางท่ายที่สุด ทางหนึ่งคือ “ลาออก” อีกทางก็ต้อง “ตาย” จากกันไป
ตามสภาพการณ์ที่ต้องการ “ยกเครื่อง” แล้วเหยีบบคันเร่งใหม่โดยเร็ว อาจจะงัดไม้นวมซ่อนหนามบีบให้หน้าเขียว “ไขก๊อก” จากตำแหน่งโดยศิโรราบ เพื่อป้องกันไม่ให้ช้ำ ทั้งคนสั่งและคนที่เก้าอี้หลุด
ไม่ว่าทางไหนโอกาสรอดของ “ค้อนปลอม” แทบมองไม่เห็น!!!