“ปู” ฉุนกลางที่ประชุม กบอ.“ปรีชา” หน้าถอดสี ถูกโวยงบเยอะแต่งานไม่คืบ

นายกรัฐมนตรี เรียกถก กบอ.ฉุนงานไม่คืบหน้า หวั่นน้ำท่วมซ้ำรอย แก้ปัญหาไม่ทัน เฉ่งยับ “ปรีชา” ปลูกหญ้าแฝกไม่คืบ ขีดเส้นกลาง ก.ค.ต้องเสร็จ “นิวัฒน์ธำรง” เผย โครงการรับมือน้ำท่วมระยะเร่งด่วนจวนเสร็จหมดแล้ว ด้านที่ปรึกษา กบอ.เผย นายกฯ จี้ทุกหน่วยเร่งงานป้องกันน้ำ แฉ กรมเจ้าท่าอืดสุด เหตุไม่มีความพร้อม เร่งจัดเรียกประชุมทุกสัปดาห์

วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย, นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์, พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม, นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ, นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมประชุมและติดตามความคืบหน้างานที่ได้มีการสั่งการ และอนุมัติโครงการและงบประมาณลงไป ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ไม่มี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมเป็นการเร่งด่วน เนื่องจากเกิดความไม่พอใจหลังได้รับการรายงานเรื่องการบริหารจัดการน้ำในบางพื้นที่ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด โดยเฉพาะพื้นที่ต้นน้ำ ทั้งๆ ที่ได้มีการกำชับและอนุมัติงบประมาณลงไปแล้ว อีกทั้งฝนได้เริ่มทยอยตกลงมา ซึ่งนายกรัฐมนตรี วิตกว่า จะเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำรอย

มีรายงานจากในที่ประชุม กบอ.นายกฯ ได้แสดงท่าทีไม่พอใจ นายปรีชา โดยได้กล่าวตำหนิโครงการปลูกหญ้าแฝกที่ไม่มีความคืบหน้าตามกำหนดเดิมที่จะเสร็จภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่ง นายปรีชา มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก รับปากว่า จะให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ แต่นายกฯ ได้ตอบกลับไป ว่า ถ้ารอสิ้นเดือนนี้ ก็ไม่เป็นประโยชน์ อยากให้ทุกอย่างแล้วเสร็จภายในกลางเดือนนี้ และนายกฯได้สอบถามว่า ปัญหาเกิดจากอะไร โดย นายปรีชา ได้ยืนยันว่า ในส่วนต้นกล้าได้มีการเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แต่ติดการประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ไม่ได้ประสานให้กระทรวงมหาดไทย จัดพื้นที่การปลูก เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ และเสี่ยงต่อดินโคลนถล่ม ขณะที่นายกฯ กล่าวตำหนิอีกว่า ทำไมไม่ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย ทำไมยังเก็บปัญหาไว้ และไม่แจ้งว่า มีปัญหาอะไรเกิดขื้นในการประสานงาน อย่าทำแบบนี้ เพราะกระทรวงทรัพยากรฯ ได้รับงบประมาณเยอะมาก ดังนั้น ควรทำงานให้สมกับงบประมาณที่ได้ไปด้วย ส่วนเรื่องฝายชะลอกว่า 6,000 แห่ง นายปรีชา ได้รับปากจะทำให้เสร็จทันกลางเดือน ก.ค.นี้ นอกจากนี้ นายกฯ ได้สั่งให้ผู้ว่าฯรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ทั้งหมดผ่านทางพีม็อคให้ประชาชนได้รับทราบ

ต่อมาเวลา 19.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง ในฐานะคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวภายหลังการประชุม กบอ.ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เป็นการติดตามความคืบหน้าแผนการและโครงการต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งขณะนี้ในส่วนของฝายชะลอน้ำส่วนใหญ่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงบางส่วนเท่านั้น

ทั้งนี้ คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในกลางเดือน ก.ค.นี้ อีกทั้งปริมาณน้ำในเขื่อนปีนี้ ก็ถือว่า มีปริมาณที่น้อยกว่าปีที่แล้ว เช่นเดียวกับพื้นที่แก้มลิง การขุดลอกคูคลองต่างๆ การซ่อมแซมประตูระบายน้ำ ก็ดำเนินการใกล้จะแล้วเสร็จเกือบหมด เช่น ประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ ที่ขณะนี้ถือว่า สามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าในส่วนของการบริหารจัดการ แผนเตือนภัยในวันพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ ในวันเสาร์ที่ 7 ก.ค.นายกฯจะเป็นประธานเวิร์คช็อปการปลูกป่าซึ่งเป็นแผนระยะยาวอีกด้วย

ด้าน นายกิจจา ผลภาษี ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวภายหลังร่วมประชุมคณะทำงานติดตามสถานการณ์น้ำ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมร่วมกัน พร้อมกำชับว่าหลังจากนี้จะมีการเรียกประชุมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยโครงการล้าช้าเพราะมีปัญหาจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็พยายามเร่งรัดแล้ว ซึ่งในวันนี้ได้ไล่ติดตามงานใครรับผิดชอบโครงการไหน อย่างไรบ้าง ซึ่งโครงการที่ล่าช้ามีอยู่หลายจังหวัด โดยเฉพาะโครงการขุดลอกคูคลองของกรมเจ้าท่า ในพื้นที่ต้นน้ำที่ล่าช้าเพราะไม่มีความพร้อม

ส่วน กรมชลประทานกรมโยธาธิการ มีความคืบหน้ามาก ซึ่งนายกรัฐมนตร่ได้กำหนดระยะเวลาว่าในโครงการที่ยังมีความล่าช้า ภายในเดือน ส.ค.จะต้องทำให้ได้ แต่บางอย่างก็อาจจะล่าช้าออกไปถึง ก.ย.ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เร่งโครงด่วนที่มีความเร่งด่วนจะต้องใช้ในปีนี้ก่อน ที้งนี้บางโครงการอาจจะช่าช้าแต่ดูแล้วจะไม่เกิดความเสียหาย เช่น คันกั้นน้ำบางจุดที่สร้างขึ้นมาได้แล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้ระดับหรืออาจจะยังไม่ได้ทำผิวของคัน แต่ก็กั้นน้ำได้ ส่วนสถานการณ์น้ำในปีนี้นั้นจะท่วมอีกหรือไม่นั้น เราได้ทำกันอบ่างเต็มที่แล้ว ซึ่งการประเมินอย่าไปเชื่อใคร

“เวลานี้ยังไม่มีใครรู้ ใครที่บอกว่าท่วมหรือไม่ท่วมอย่าไปเชื่อ ซึ่งประเมินยังไม่ได้ แต่หากประชาชนยังสามารถไว้วางใจได้ว่าเรามีแผนป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายเหมือนปี 2554 และถ้าน้ำเท่ากับปี 2554 ความเสียหายจะน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม แม่น้ำยมที่ไม่มีเขื่อนกักเก็บน้ำ ผมเห็นว่า จะต้องมีแหล่งกักเก็บน้ำเพราะมีความจำเป็น ซึ่งระยะเร่งด่วนจะต้องช่วยเปลือประชาชนโดยอาจทำเป็นโครงการย่อยๆ ในบางจุด เช่น เป็นคันกั้นน้ำ หาแหล่งน้ำกรณีที่เกิดน้ำแล้ง” นายกิจจา กล่าว