ผช.เสธ.ทบ.ประธานลงนามร่วมวิจัยเครื่องช่วยฝึกยิงด้วยแสงเลเซอร์ ให้คนไทยสามารถผลิตเองได้โดยมีศักยภาพเท่าต่างประเทศ หวังแก้ปัญหาซ่อมบำรุง-พึ่งต่างชาติ
วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต พล.ท.อำพล ชูประทุม ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก (ผช.เสธ.ทบ.) เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือในโครงการวิจัยและพัฒนาเครื่องช่วยฝึกยิงด้วยแสงเลเซอร์ ระหว่างสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพบก (สวพ.ทบ.) และบริษัท เมก้า ฟอร์ซ อินเตอร์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนางานวิจัยระดับเทคโนโลยีระดับสูง พร้อมมอบนโยบายดำเนินการแก้นายทหารโครงการเพื่อการปฏิบัติงานตามแผนงาน
โดย พล.ต.ม.ล.ระวีวัฒน์ เกษมสันต์ ผอ.สวพ.ทบ.กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหากรณีพิพาทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และการก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ ของผู้ก่อความไม่สงบและผู้ไม่หวังดี กองทัพบกเป็นหน่วยงานหลักในการจัดเตรียมกำลังพลจำเป็นต้องมีการฝึกซ้อมกำลังพลให้มีความพร้อมต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของกรมยุทธศึกษาทหารบก และเพื่อให้การฝึกมีประสิทธิภาพสูงสุด หน่วยงานฝึกจำเป็นต้องอาศัยเครื่องฝึกจำลองการยิงอาวุธทหารราบด้วยแสงเลเซอร์ จัดซื้อมาจากต่างประเทศตั้งแค่ปี 35 แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่นำไปทดแทนของเดิมที่ชำรุด ทำให้ สวพ.ทบ.ได้มีโครงการวิจัยและพัฒนาร่วมกับบริษัทเมก้าฯ ดำเนินการวิจัยและพัฒนาต้นแบบเครื่องช่วยฝึกยิงแสงเลเซอร์ฝีมือคนไทยภายใต้ชื่อแอลซีซีเอส ที่สามารถผลิตได้ในประเทศ โดยมีศักยภาพเทียบเท่ากับเครื่องที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีความเหมาะสมตรงกับความต้องการของผู้ใช้สอดคล้องกับการฝึกตามระเบียบหลักสูตรการฝึกของกองทัพบก อย่างไรก็ตาม สวพ.ทบ.เป็นผู้อำนวยสถานที่ เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ที่จัดหาได้ภายในประเทศเป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการพึ่งพาตนเองทางทหาร รวมถึงแก้ไขปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุงและลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
ด้าน นายศักดา ศรีวิริยะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทเมก้าฯ กล่าวว่า ต้นแบบเครื่องฯเป็นชุดยิงเลเซอร์ติดประกอบปืนจริง เพื่อใช้ฝึกแทนกระสุนจริงโดยใช้ได้ทั้งเอ็ม 16 ปืนเล็กยาว หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของกำลังพลในหารใช้อาวุธจริงเมื่อต้องออกปฏิบัติภารกิจในสถานการณ์ที่เสี่ยงภัย และสามารถประหยัดงบประมาณในการฝึกได้ ทั้งยังมีความปลอดภัยต่อกำลังพลในขณะฝึก โครงการดังกล่าวมีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 180 วันนับจากวันที่ได้รับอนุมัติให้เริ่มดำเนินการ ซึ่งใช้งบประมาณการวิจัย 3.5 ล้านบาท จากบริษัทเมก้าทั้งหมด เพื่อพัฒนาเครื่องต้นแบบจำนวน 24 ชุด เดิมซื้อจากต่างประเทศชุดละ 3 แสนบาท ในส่วนที่ไทยผลิตเองชุดละประมาณ 2 แสนกว่าบาท ทำให้สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อชุดไปร้อยละ 30 อย่างไรก็ตาม การที่ไทยเป็นผู้ผลิตเครื่องช่วยฝึกยิงเลเซอร์นั้นสามารถออกแบบให้สอดคล้องกับระบบการฝึกเพื่อประโยชน์สูงสุด รวมถึงการซ่อมแซมที่สะดวกมากกว่า