“ถาวร เสนเนียม” ชี้เหตุดึง “อานันท์-สมคิด” เป็นพยานคดีแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง เพราะเป็นอดีต ส.ส.ร.รู้เจตนารมณ์ ม.291 ดี เผยส่งบันทึกถ้อยคำต่อศาล รธน.แล้ว ยืนยัน ม.291 ระบุชัดห้ามฉีก รธน.ทั้งฉบับแล้วร่างใหม่ ขณะเดียวกันการแก้ไขครั้งนี้ยังมีเป้าหมายให้ “ทักษิณ” กลับมามีอำนาจ โดยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางใน รธน.
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพยานบุคคลฝ่ายผู้ร้องในคดีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องพิจารณาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย กล่าวว่า วันนี้ได้ส่งตัวแทนไปยื่นบันทึกถ้อยคำเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลรัฐธรรมนูญ และพร้อมจะนำมาเผยแพร่ต่อสื่อ เพื่อไม่ให้มีใครสามารถกดดันศาลรัฐธรรมนูญได้
ส่วนที่ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นพยานฝ่ายผู้ร้อง เพราะเป็นอดีต ส.ส.ร. ที่รู้การร่างและเจตนารมณ์ของการร่าง เช่น มาตรา 291 ที่บอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้ทำได้ด้วยวิธีใดบ้าง
“ทำไมเราถึงอ้างอาจารย์สมคิด หรือใครต่อใคร คนกลุ่มนี้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ รู้เจตนารมณ์ของการร่างรัฐธรรมนูญ”
ส่วนเรื่องความมั่นใจในพยานหลักฐานหรือไม่นั้น นายถาวรกล่าวว่า ยังไม่ขอตอบว่ามั่นใจหรือไม่ เพราะไม่อยากกดดันศาล แต่ขอยืนยันว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
สำหรับเอกสารบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงต่อศาลรัฐธรรมนูญในคดีดังกล่าวของนายถาวร มีเนื้อหาสรุปว่า การขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.99 คน ขึ้นมาจัดทำร่างฉบับใหม่ และยกเลิกฉบับ 2550 ลงทั้งฉบับ และเมื่อ ส.ส.ร.ร่างเสร็จ ร่างจะถูกส่งไปที่ประธานรัฐสภา เพื่อวินิจฉัยว่ามีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ โดยที่รัฐสภาไม่มีโอกาสในการพิจารณาเนื้อหาใดๆ ของร่างอีก เมื่อพิจารณาจากมาตรา 291 ประกอบมาตรา 68 แล้วเห็นได้ว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ให้ทำได้เฉพาะการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะหลักเกณฑ์เป็นรายมาตรา แต่ห้ามมิให้มีการล้มล้างหรือฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และกำหนดให้รัฐสภาเป็นผู้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ มิได้ให้มอบอำนาจ ดังนั้นจึงชัดเจนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดต่อมาตรา 68 อย่างชัดแจ้ง
ในบันทึกถ้อยคำยังระบุว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ทำเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมามีอำนาจ โดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางในรัฐธรรมนูญ จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 อย่างชัดแจ้งเช่นกัน