“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ระบุ แม้นาซาจะยกเลิกโครงการขอใช้สนามบินอู่ตะเภา แต่ต้องนำข้อเสนอเข้าสภาฯ เพื่อความโปร่งใส รองรับสหรัฐฯ หวนกลับมาขอใช้อู่ตะเภาอีก จะได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า แม้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐฯ จะได้ยกเลิกการขอใช้สนามบินอู่ตะเภา เป็นฐานสำรวจสภาพภูมิอากาศแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังต้องดำเนินการตามมติ ครม. โดยการนำเรื่องดังกล่าวเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ เพราะเนื่องจากเจตนารมณ์ของ ครม.ที่ออกมาเป็นมติ ครม.นั้น ก็เพื่อต้องการให้ใช้สภาเป็นกลไกในการตรวจสอบเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ของชาติ จึงยังคงต้องเดินหน้าดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ในเมื่อขณะนี้องค์การนาซาได้ยกเลิกไปแล้ว ยังต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกหรือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ เพราะถือว่าเรื่องดังกล่าวได้ผ่านเป็นมติ ครม.ไปแล้ว คงต้องไปหารือในส่วนของสภา อยู่ๆ ตนคนเดียวจะไปเปลี่ยนมติ ครม.ไม่ได้ คงต้องรอดูว่าขั้นตอนต่อไปในการหารือจะเป็นอย่างไร
“ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่า ผลจากการพิจารณาของสภาสรุปออกมาอย่างไร ก็จะสามารถนำไปเป็นข้อมูลในปีหน้าได้ หากมีการเสนอขอใช้สนามบินอู่ตะเภาอีกครั้ง วันนี้ เราต้องเรียนว่า ครม.เห็นชอบให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภา ตามมาตรา 179 เพื่อหารือกัน ในส่วนนี้ก็จะเป็นประโยชน์ในการที่จะใช้กลไกของสภาในการตรวจสอบผลประโยชน์ของชาติ และเมื่อมีความเข้าใจตรงกันแล้ว ครั้งต่อไป เมื่อไหร่ที่องค์การนาซาขอความร่วมมือเช่นนี้อีกก็จะทำให้สังคม และตัวแทนของสภามีความเข้าใจมากขึ้น เมื่อมีความเข้าใจมากขึ้นก็สามารถมาดูขั้นตอนได้ว่าเมื่อไหร่ที่จะมีความร่วมมือกันอีก ก็ค่อยกลับมาดูว่าขั้นตอนการอนุมัตินั้นจะเป็นแค่ความเห็นชอบของ ครม. หรือต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของสภา”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ควรจะยุติการโยนความรับผิดชอบกันไป-มาระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลได้หรือยังว่าใครเป็นคนทำให้เสียผลประโยชน์ของชาติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่อยากโต้ตอบอะไร เพราะทั้งหมดนี้เราต้องทำร่วมกันเพื่อประเทศ ซึ่งทุกคนก็อยากเห็นการทำงานที่โปร่งใสมากกว่า เพราะขั้นตอนต่างๆ ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว จึงอยากให้ทุกคนหันมาช่วยกัน บางครั้งถ้าพูดกันเยอะไปเกรงว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์
เมื่อถามว่า แต่ฝ่ายค้านโยนความความรับผิดชอบครั้งนี้ว่าเกิดจากฝีมือรัฐบาลทำให้เสียผลประโยชน์ของชาติ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ให้สภาพิจาณา และหารือร่วมกันดีกว่า เราเองไม่สามารถตัดสินได้ด้วยกลไกในลักษณะการพูดกันไป-มา รัฐบาลจึงเห็นว่า การใช้กลไกของสภาจะเป็นกลไกที่ดีที่สุดที่จะได้หารือข้อสงสัยทั้งหมด ต่อข้อถามว่า ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนหรือไม่ว่าเมื่อต่างประเทศขอความร่วมมือใดๆ มา ควรจะมีการพิจารณา และหารือกันให้เกิดความรอบคอบ ไม่ใช่ทิ้งระยะเวลาจนทำให้เกิดปัญหา และเสียผลประโยชน์ของชาติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เลี่ยงที่จะตอบคำถามดังกล่าว โดยหันไปตอบคำถามอื่นทันที